top of page

What if death...

จากงานเสวนา 'What if death เพราะการจากลา สร้างคุณค่าที่มากกว่าได้ '

วันที่ 30 เมษายน 2565

จัดโดย Carnation


ภาพ: Zhu Bing


ในการเสวนานี้ คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ ได้เล่าถึงเหตุที่มาทำงานผลักดันสังคมด้านความรู้เกี่ยวการตายอย่างสันติว่า

" ...เพราะตัวเองเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความตาย ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ คุณแม่เสียชีวิตแล้วก็ต้องตอบให้คนอื่นตลอดเวลาว่าคุณแม่ตายแล้ว ความตายมันมีผลกระทบกับชีวิตของคนอยู่มาก อย่างเช่นคนนี้จะสงสัยว่าคนที่เขามีแม่มันเป็นยังไง เราไม่เคยสัมผัสอันนี้เลย


ตอนเป็นเด็กก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับความตายเยอะมาก เพราะฉะนั้นมันอยู่ในตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้มาทำงานด้านนี้คือ การเจ็บป่วยของผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมากท่านหนึ่ง ภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทำงานคือ ภาพที่ท่านนอนอยู่บนเตียงในไอซียู ถูกมัด แต่สติดีมาก มีเพียงสายตาที่พูดได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ดิฉันถามลูกของท่านว่าจะปล่อยท่านไปเมื่อไหร่ แต่ไม่มีใครตอบเพราะกลัวว่าจะเป็นการเป็นบาป เราเลยไปถามคุณหมอว่าสามารถจะทำอย่างไรได้บ้าง แต่ในตอนนั้นไม่มีความรู้ แต่พอเรามีความรู้ก็เลยรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่กำลังต่อสู้ว่าเราทุกคนควรได้รับการอบรมอะไรต่ออะไรที่ชีวามิตร


อันที่ฝังใจอีกเรื่องก็คือ คนในองค์กรของดิฉันที่เคยเป็นคนทำงานที่ดี และเราก็สังเกตได้ว่าการทำงานของเขาตก ศักยภาพในการทำงานของเขาลดลงอย่างชัดเจน และอาการซึมเศร้ามันปรากฏ ดิฉันก็เลยไปเช็คดูว่าทำไม ปรากฏว่าเขาเป็นหนี้นอกระบบจากการยื้อชีวิตแม่ ที่ในที่สุดก็ตายอย่างทรมาน แต่หนี้มันไม่จบ


คนที่จะพูดถึงต่อคือ เพื่อนนักเขียน “อรสม สุทธิสาคร” ได้เล่ามา “หนูมาจาก Nothing เลย หนูสร้างตัวหนูมาจนมีรถ มีบ้าน คุณแม่เป็นมะเร็ง หนูสู้ตายเลยที่จะรั้งคุณแม่ไว้ ” ผลคือ “บ้านหนูไป รถหนูไป สุขภาพจิตหนูไป หนูตกอยู่ในอาการซึมเศร้า ” กว่าจะกลับมาทำให้มีบ้าน มีรถใหม่ คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งเหมือนกันแต่จากการตายของคุณแม่ คุณพ่อเข้าใจ และลูกสาวกับคุณพ่อคุยกันได้ พ่อตายจากอย่างสงบ ลูกสาวสถานะการเงินไม่ตกต่ำ


..... ความกตัญญูที่แท้จริงกับคนที่เรารัก กับคนที่มีบุญคุณกับเรา มันคืออะไร....ความกตัญญูที่ถูกปลูกฝังกันมา คือ ทนไม่ได้เลยที่จะเสียท่านไป หนูจะอยู่ยังไงถ้าท่านต้องจากไป หรือสามีภรรยาก็ตาม อันนี้คือความกตัญญูกับตัวเองหรือผู้ที่จะจากไป บาปหรือไม่ ใครกลัว ใครบาป ปล่อยไปได้ยังไง กลัวความคิดของคนอื่น ส่วนใหญ่จะปนกันอยู่ทั้งหมด นี่คือสิ่งที่คงเป็นคำถามไปอีกทั้งชีวิต


พราะเราเป็นมนุษย์เหมือนกันเลยเป็นเหตุผลให้ทำเรื่องนี้ และคงทำต่อไปทั้งชีวิต

....สิ่งที่กลัวคือ ตอนนี้คนแก่ในประเทศไทยมากขึ้น ควบคู่กันไปนั้นคือวิทยาการทางการแพทย์ที่จะยื้อที่จะรักษา มันมาถึงจุดที่ว่า จุดไหนคือการยื้อชีวิต จุดไหนคือการยื้อความตาย

ยื้อชีวิตคือต่อสู้ทุกวิถีทางในกรณีที่ชีวิตจะกลับมามีคุณภาพได้ แต่ยื้อความตายคือการยื้อกระบวน การตายที่ยังไงก็หยุดไม่ได้ แต่มีวิทยาการที่จะยื้อมันได้เป็นปี ๆ

หากถามว่าตอนนี้กลัวตายไหม สมัยก่อนตอบว่าไม่กลัว แต่ตอนนี้กลัวค่ะ เคยฝันว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ลูกกับสามีหายไปหมด โดยที่ไม่รู้อะไรเลย เรื่องนี้ทำให้รู้ว่ามนุษย์เรามีไม้ค้ำยันอยู่ 3 อย่างคือ ความสัมพันธ์ อำนาจควบคุม ความรู้ เป็นสิ่งที่เป็นตัวตนความเป็นมนุษย์ และความตายทำให้มันหายไปหมด คุณพร้อมไหมที่จะยืนอยู่ได้ด้วยจิตของคุณ ในเวลาที่มันจะไม่มี 3 อย่างนี้"


 

ชมเนื้อหาในวิดิโอทั้งหมดได้ที่ https://youtu.be/83PBZ0jITuo?t=5617

 

ดู 5 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page