top of page

หมาน้ำสาน(2)

คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์




ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว เจเจกับข้าพเจ้าตกลงกันได้ว่าให้ระเบียงหลังบ้านเป็น "เขตปลอดหมา" ในขณะที่โถงระเบียงหน้าของเรือนใหญ่น้ำสานเป็น เขตคนกับหมา เราเรียกโถงระเบียงนี้ว่า “ระเบียงหอม” เพราะกลางระเบียงมีต้นจำปีแขกที่รักจะออกดอกสีงาให้สายลมระรินกลิ่น ริมระเบียงทางทิศเหนือมีราชาวดี

ต้นใหญ่ดอกขาวที่หอมไม่แพ้กัน ดูเหมือนราชาวดีต้นนี้จะทำข้อตกลงกับจำปีแขกไว้เป็นอย่างดีว่าจะผลัดกันผลิดอกเพื่อที่จะไม่แข่งกลิ่นกัน ไม่ห่างกันนักไปมีพุ่มมลุลีที่ขยันออกดอกหอมแผ่วน่ารัก สายน้ำผึ้งกลิ่นนวลเลื้อยรัดราวระเบียงด้านตะวันออก ถัดไปรสสุคนธ์ทอดเถากอดเกี่ยวอัญชันม่วง มิหนำเสาเรือนทิศใต้ยังเป็นหลักให้ชมนาดที่หอมละม้ายข้าวใหม่ ได้เลื้อยขึ้นไปรับแดดที่ระเบียงชั้นบน ข้างทางขึ้นก็ยังมีกระถางใหญ่ใส่พุดสามสีที่หอมระรื่นตอนกลางวัน กับพุดตะแคงดอกเหลืองที่เลือกหอมเฉพาะยามค่ำ


เจ้าไม้หอมหลากหลายที่ระเบียงนี้ ไม่เคยตะเบ็งกลิ่น ประชันสีเอาชนะกัน มีแต่ค่อยถ้อยทีถ้อยอาศัยให้คนกับหมามีแต่ความร่มเย็นชื่นใจ ถึงแม้คนจะต้องคอยตัดกิ่งกวาดใบอยู่เสมอๆ แต่ก็ได้ซับซาบความไม่เที่ยงของทุกสิ่งอย่าง อย่างที่คำบาลีว่า อนิจจัง

ใครแพ้กลิ่นดอกไม้ไทย จึงไม่จำเป็นต้องหลีกหนีระเบียงหอม


แต่ใครแพ้สุนัขนี่ซิต้องคิดหนัก เพราะระเบียงหอมนี้เป็นที่ที่เจเจมีความสุขกับการตามใจบรรดาหมาๆ

น้ำสาน จนเสี่ยงกับการทำให้เสียนิสัยไปตามๆ กัน และที่สำคัญคือระเบียงนี้เป็นพื้นที่แห่งความเสมอภาคระหว่างมนุษย์และหมา ยกเว้นสองเรื่องที่มีการแลกเปลี่ยนสิทธิเฉพาะ คือในเวลาอาหารของมนุษย์ หมาไม่มีสิทธิ์ลิ้มลองสิ่งใดๆ ทั้งนั้นที่อยู่บนโต๊ะ แต่ก็เป็นพื้นที่ที่บรรดาหมาๆ มีสิทธิที่จะเคี้ยวรองเท้าทุกข้างที่มนุษย์ที่หลงวางทิ้งไว้

ตรงนี้เป็นที่โมเมอายุ 4 เดือน ได้พบแม่นากซึ่งตอนนั้นอายุประมาน 2 ปีเป็นครั้งแรก

นากมาอยู่บ้านน้ำสานก่อนเจเจกับข้าพเจ้าเสียอีก คือมาตั้งแต่ช่วงที่บ้านอยู่ในระหว่างการสร้าง ในช่วงนั้นเราเริ่มจ้างสมพรมาดูแลสวน กับอุไรผู้เป็นภรรยามาเป็นแม่บ้าน เมื่อฝรั่งเจ้าของบ้านไร่ไม่ไกลจากเราขายบ้านให้คนอื่น สุนัขที่เคยได้รับการเลี้ยงดูก็ขาดผู้อุปถัมภ์ จึงแวะเวียนเข้ามาขอข้าวสมพรและอุไรกินไม่เว้นแต่ละวัน สองผัวเมียสงสารจึงรับมาเลี้ยงเสียเลย และที่ตั้งชื่อว่า "นาก” คงจะไม่ใช่เพราะรูปร่างไปพ้องกับนากที่รู้จักกันในฐานะสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่กินปลาเป็นอาหาร แต่คงจะเพราะนากเป็นหมาสีน้ำตาลอมแดงที่กระเดียดไปทางสีโลหะผสมระหว่างทองคำกับทองแดง หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Burmese Gold โลหะผสมนี้คนไทยเคยนิยมใช้ทำเข็มขัดรัดผ้านุ่ง ข้าพเจ้าก็ยังมีเข็มขัดนากเป็นมรดกตกทอดมาจากมารดา ซึ่งข้าพเจ้ายังใช้นุ่งผ้าถุงแบบไทยอยู่จนทุกวันนี้

แม่นากเป็นหมาพันธุ์ผสมขนาดเล็กที่ขาสั้น ตัวเล็ก หน้าแหลม หูตั้ง หางพวง ขนพอง เจ้าระเบียบและชอบแสดงความสำคัญของตนอย่างออกนอกหน้า เรียกได้ว่าเป็นหมาเตี้ยที่มีอัตตาสูงมากเมื่อเปรียบกับความสูงทางกายภาพ ซึ่งถ้าเอาไม้บรรทัดวัดจากพื้นถึงจุดสูงสุดของหลังนากคงจะได้ไม่เกินสิบสองนิ้ว


แรกๆ ที่บ้านสร้างเสร็จ เจเจกับข้าพเจ้าเริ่มไปอยู่ครั้งละ 3 – 4 คืน นากดูเหมือนจะไม่ไว้ใจเรานัก เพราะจะเดินคอตั้ง ชายตามองเราด้วยสายตาอันไร้มิตรจิต แล้วแทรกตัวหลบหายไปทางบ้านสมพรและอุไร ทำอย่างนี้บ่อยครั้งจนเราทั้งสองออกจะรู้สึกเกรงใจ เกิดอุปาทานไปว่า ตัวเองเป็นผู้บุกรุกบ้านสวนที่แม่นากถือสิทธิ์เป็นเจ้าของโดยชอบธรรม

ความรู้สึกนี้รำๆให้นึกอยากไปค้นโฉนดที่ดินออกมาดูให้กระจ่างใจ ว่าอย่างน้อยเราก็มีสิทธิตามกฎหมายบ้านเมืองมานานเกือบ 20 ปี ซึ่งก็ไม่รู้ว่านากจะยอมรับว่าเข้าข่ายความชอบธรรมหรือไม่

เมื่อเราไปอยู่บ้านน้ำสานหลายครั้งเข้า นากเริ่มออกมารับสินบนเล็กๆ น้อยๆ จากมือเรา ท่าทีระมัดระวังของนากทำให้เราเกิดอุปาทานอีกนั่นแหละว่า เราเป็นหนี้บุญคุณนากที่ให้เกียรติพิจารณาของที่เรานำมาเสนอให้ ขาสั้นๆ จะค่อยๆ ก้าวพาตัวนากเข้ามา ด้วยมาดเจ้าแม่ที่ครุ่นคิด ตรึกตรอง หัวตั้งตรง ตาคู่เล็กสีอ่อนอมเขียวส่งกระแสความเหนือกว่าให้ซึมซึ้ง อีกอึดใจใหญ่ๆ จึงจะยื่นจมูกเย็นๆ เข้ามาดมเป็นของควรแก่การรับหรือไม่ เมื่อมั่นใจแล้วจึงค่อยๆ เอียงปาก ยื่นลิ้นออกมาลิ้มรส ก่อนที่จะอ้าปากเพียงน้อยๆรับไปด้วยท่าทางนุ่มนวลเปี่ยมไปด้วยสง่าราศรี กว่าจะเสร็จสิ้นขบวนการสองตายายแทบจะเผลอค้อมตัวลงขอบคุณนากที่เชื่อใจเรา

ในที่สุดนากก็ยอมเป็นมิตรกับเรา ถึงกระทั่งยอมรับว่าเราเป็นมนุษย์ที่สมควรให้เกียรติได้ไม่น้อยกว่าสมพรและอุไร สำหรับความไว้วางใจนั้นถึงอย่างไรก็ยังน้อยกว่ามาก


จนบัดนี้เจเจกับข้าพเจ้าก็ยังนึกขอบใจนาก ที่ช่วยขัดเกลาจิตใจเราให้ลดอัตตาที่ยึดนักว่ามนุษย์เรานี้สูงส่ง ตลอดจนอัตตาที่ว่าด้วยความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแผ่นดินผืนนี้ลงได้ ไม่มากก็น้อย

เมื่อเราเอาโมเมเข้ามาอยู่ในบ้าน นากดูลังเลเหมือนไม่แน่ใจว่าจะวางตัวอย่างไร แน่นอนว่านากต้องการจะแสดงให้เจ้าหมาตัวใหม่ ใด้รู้แจ้งถึงอำนาจและศักดิ์ศรีของนาก(ในความคิดของนากเอง) ฉะนั้น เมื่อได้จังหวะ นากก็เดินเป็นสง่าแบบขาสั้นๆ เข้ามาจ้องโมโมอย่างเอาจริงเอาจัง พร้อมคำรามลึกในลำคออย่างน่าเกรงขาม ในลักษณะที่โบราณเรียกว่า “ตัดไม้ข่มนาม” ข้าพเจ้ายังจำภาพโมเมที่พังพาบติดพื้น ตีนโตๆ ทั้งสี่ชี้คนละทิศละทาง ทั้งนี้เพราะกระดูกขาที่อ่อนแอจนเราเกรงว่าไม่มีวันที่มันจะเติบโตเป็นปกติได้

โมเมกับนากนั้นชั้นเชิงทางโลกห่างกันลิบลับ ในขณะที่แม่นากวางท่าเจ้าแม่ข่มขวัญ โมเมซึ่งพังพาบอยู่กลับไม่รู้อีโหน่อีเหน่ กระดิกหาง หยีตา เอียงหน้ายิ้มให้ด้วยดวงใจใสสะอาด

แค่ข้ามวันกับคืน เราก็เห็นแม่นากยืนเลียหูหาเห็บกัดหมัดให้โมเมที่นอนสบายใจอยู่บนพื้นกระเบื้องไทยในโถงระเบียงหอม ที่ต้องยืนก็เพราะความเตี้ย แม่นากทำท่าเหมือนพี่เลี้ยงที่อ่อนโยนแต่มีอำนาจเด็ดขาด ถ้าโมเมทำอะไรไม่ถูกใจก็จะแง่งงับให้เข็ดหลาบ โมเมโตวันโตคืน รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ใครๆ เห็นนากทำท่าแม่รีแม่แรดควบคุมครอบงำโมเมให้อยู่ในโอวาท ก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวนากใหญ่กว่าหัวโมเมไม่ถึงสองเท่า แค่ตีนโตๆ ของโมเมตีนเดียวก็คงจะคับปากเล็กๆ ของแม่นากแล้ว


ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทั้งบ้านน้ำสานและโมเม ทำให้แม่นากเป็นหมาที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย

เพราะทุกวี่ทุกวันจะหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับการดูแลตรวจตรา ไม่ให้หมาตัวอื่นใดกล้ำกลายเข้ามาในเขตสวนน้ำสาน ซึ่งนากถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของตน นับว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายนักเพราะขอบเขตบางส่วนไม่มี

รั้วกั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงที่ลำเหมืองคั่นบ้านน้ำสานจากโครงการสวนแก้วซึ่งอยู่ถัดไปทางทิศตะวันตก โครงการสวนแก้ว หรือที่เรียกกันทั่วไปในย่านนั้นว่า “สวนแก้ว” นี้ เป็นผลงานของปิ่นจอมลุยที่ได้เคยกล่าวถึงมาแล้ว ปิ่นได้ร่วมกับญาติทางสามีสร้างสรรขึ้นมาเป็นโครงการที่ดินจัดสรรที่สงบ มีน้ำไหล ต้นไม้และทิวทัศน์ที่สวยงาม

เมื่อหมานอกบ้านบุกรุกเข้ามา แม่นากจะตัวสั่นหนวดกระดิกด้วยความโกรธ แล้วออกวิ่งไล่กัดอย่าง

ไม่เจียมขนาด เจ้าหมาตัวผู้สีดำขนฟูจากปากซอยที่ชอบลักลอบใช้บ้านน้ำสานเป็นทางผ่าน ก็ถูกนาก

ไล่กระเจิงหลายต่อหลายครั้งจนในที่สุดไม่กลับมาอีกเลย

มีที่ดื้อด้านที่นากไล่ไม่เข็ดมีอยู่สองตัว ตัวหนึ่งเป็นหมาไทยหน้าแฉล้มชื่องามนาม “บัวแก้ว” อีกตัวหนึ่งเป็นตัวผู้สูงสง่าสวยหรูสมกับที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาชื่อ “หลุยห์” ซึ่งเป็นหมาพันธ์อาฟข่านฮาวด์ (Afghan Hound) ทั้งบัวแก้วและหลุยห์ เป็นสมาชิกกลุ่มหมาสวนแก้ว ถึงแม้จะอาศัยอยู่คนละบ้าน แต่ก็อยู่ในพื้นที่โครงการนั้น ทั้งสองตัวนี้จะมีบทบาทสำคัญในชีวิตรักและครอบครัวโมเมในกาลข้างหน้าซึ่งข้าพเจ้าจะเก็บเอาไว้เล่าในวันหลัง ในขณะนี้จะยังคงฉายสปอทไลท์มาที่แม่นากต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง


สิ่งที่ดูเหมือนจะทำให้นากเดือดร้อนใจ หนักขึ้นไปกว่าการมีหมานอกแดนเข้ามาบุกรุก ก็คือการที่หมา

ตัวเมียไม่ว่าตัวไหนจะมาใกล้โมเม หรือโมเมจะไปเข้าใกล้ตัวเมียตัวอื่นๆ สำหรับเรื่องนี้นากป้องกันได้

ไม่ยากเมื่อครั้งโมเมยังอายุน้อย และขาหลังที่พิการยังไม่แข็งแรงพอที่จะไปไหนได้ไกลๆ แต่ยากนักเมื่อโมเมเจริญวัยร่างกายเติบโตเป็นหนุ่มล่ำ หล่อเหลา ขาที่ได้ออกกำลังวิ่งบนพื้นสวนที่ไม่ราบเรียบสม่ำเสมอ ก็แข็งแรงขึ้น จนสามารถวิ่งออกไปเที่ยวเพื่อพบปะทั้งสุนัขสาวและไม่สาวในย่านนั้นได้ เมื่อถึงเวลาเช่นนี้นากก็ยิ่งเครียดหนัก อกเต้นด้วยความหวงและห่วงใย ยิ่งกับสาวรุ่นบัวแก้วด้วยแล้ว นากต้องหน็ดเหนื่อยคอยไล่ให้พ้นสวน


แล้ววันหนึ่ง สมพรกับอุไรก็รายงานว่า สงสัยแม่นากจะตั้งท้อง

ไม่มีใครสักคนเห็นว่าแม่นากเข้าหอลงโรงกับใคร ฉะนั้นมิใยเจเจจะอยากรู้สักเพียงใดว่าหมาตัวไหนทำให้นากท้องก็ไม่มีใครให้ความกระจ่างได้ แม่นากอุ้มท้องตัวกลมอุ้ยอ้ายจนครบกำหนด ทุกครั้งที่ข้าพเจ้ากับเจเจมาจากกรุงเทพฯ เห็นสภาพของนาก จะอดคิดว่าคงจะเป็นวันนี้พรุ่งนี้แล้วที่นากจะคลอดลูก


เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ แม่นากน้ำสาน ก็เกือบจะต้องตายทั้งกลม ถ้าสมพรกับอุไรไม่พาขึ้นรถไปหาหมอให้รีบผ่าตัดเอาลูกออก ทั้งสองคนบอกว่านากร้องด้วยความเจ็บท้องตั้งแต่ดึกยันเช้า เมื่อถึงหมอก็จึงได้ทราบว่านากออกลูกเองไม่ได้ เพราะลูกหมาสองตัวในท้องขนาดใหญ่กว่าที่นากจะเบ่งออกเองตามธรรมชาติได้ แสดงว่าพ่อหมาต้องตัวใหญ่กว่านาก จะมากกว่าแค่ไหนไม่มีใครทราบ นากนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่หลายวันจึงกลับมาบ้านน้ำสานพร้อมลูกน้อย… ลูกน้อยๆ สีดำ

ลูกหมาทั้งสองเป็นตัวเมียทั้งคู่ และทั้งๆ ที่มันไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มันก็กลายเป็นจุดกำเนิดของปัญหาที่ถกเถียงกันมาจนทุกวันนี้… ว่าใครเป็นพ่อ


เรื่องใครเป็นพ่อลูกของนาก คงไม่เป็นเรื่องให้ถกเถียงอย่างยืดเยื้อ ถ้าเจเจไม่ปฏิเสธเด็ดขาดว่าไม่ใช่โมเม ในขณะคนทั้งหลายในบริเวณนั้น รวมทั้งสมพรและอุไร เห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ว่าใช่ เพราะลูกหมาทั้งสองตัวสีดำ ตัวหนึ่งดำปลอด ตัวหนึ่งตีนหน้าทั้งสองเป็นสีขาวเหมือนใส่ถุงเท้า ไม่มีใครลืมว่าโมเมเมื่อวัยเด็กมีสีขาวอยู่ที่ปลายตีนหน้าข้างขวา ถึงแม้ว่าเมื่อโตขึ้นสีขาวนั้นจะหายไปจนเกือบจะไม่เหลือ มิหนำซ้ำความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ยังเห็นว่าทั้งสองตัวหน้าเหมือนโมเมเปี๊ยบ นอกจากนั้นตัวยังโตเกินกว่าแม่ขนาดเล็กอย่างนากจะคลอดเองได้


เจเจเป็นคนเดียวที่ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ใช่ ด้วยเหตุผลทางด้านกายภาพ เป็นไปไม่ได้ที่หมาขนาดใหญ่อย่างโมเม จะผสมพันธ์กับหมาเตี้ยขาสั้นอย่างนาก เป็นไปไม่ได้ที่โมเมจะมีลูกตั้งแต่อายุยังไม่ถึงปี นอกจากนั้นโมเมยังรักและเคารพนากเหมือนแม่ (เป็นเหตุผลที่ไม่มีใครเห็นว่าฟังขึ้น) เจเจจะโต้ตอบ

เสียงดังเกินความจำเป็น ถ้าใครบอกว่าลูกหมาตีนโตเหมือนหมาใหญ่ และหน้าไม่แหลมเหมือนแม่ แต่อู้ๆเหมือนโมเม


สำหรับข้าพเจ้าเองวางตัวเป็นกลางแบบเอียงๆ ด้วยการตะล่อมชี้ให้เจเจเห็นว่าโถงระเบียงหอม มีส่วนต่างระดับ ที่อาจทำให้ขนาดที่แตกต่างของโมเมกับนากไม่เป็นอุปสรรคต่อการมีลูกด้วยกันอย่างที่เจเจคิด แต่เจเจก็ยังยืนยันแบบหลังชนฝาว่า เคยเห็นหมาปากซอยตัวผู้สีดำแอบเข้ามาในบ้านในช่วงแรกๆ ที่โมเมยังไม่โตเป็นหนุ่ม


ทฤษฎีหมาดำปากซอยนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมรับ ด้วยเหตุผลนานาประการ เคราะห์ดีที่ในโลกสุนัขนั้น พ่อหมาไม่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกในสายเลือด มิฉะนั้นโมเมอาจเป็นหมาตัวแรกในประเทศไทยที่ต้องถูกนำไปตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ความเป็นพ่อ

เจ้าลูกหมาสองตัวจะใกล้ชิดสนิทสนมกับครอบครัวสมพร และจะไม่แยแสข้าพเจ้ากับเจเจเลย ดูเหมือนจะเห็นเราเป็น "คนอื่น”สำหรับมันเอามากๆ ขนาดคอยแอบขโมยรองเท้าเราจากเรือนใหญ่ คาบไปวางบน

ขั้นกระไดบ้านสมพรกับอุไร จนร้อนถึงสมคิดผู้เป็นลูกชายที่ต้องเอามาคืนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจอยู่

เสมอๆ


การที่เจ้าลูกหมาห่างเหินเห็นข้าพเจ้ากับเจเจเป็นคนอื่นก็ถูกต้องของมัน ข้าพเจ้าเองได้เคยยื่นคำขาดกับเจเจมาแต่แรกว่า ตราบใดที่เรายังไม่มาอยู่ตรงนี้อย่างถาวร เราจะต้องรักษาโควต้าในการเลี้ยงหมา คือให้มีหมาเพิ่มขึ้นมาจากนากกับโมเมแค่สองปีต่อหนึ่งตัว จะเพิ่มโควต้าต่อเมื่อเรามาอยู่และฟูมฟักเลี้ยงดูมันขึ้นมาตั้งแต่เล็กด้วยมือของเราเอง ส่วนเจเจยอมรับระบบโควต้าในกรณีทั่วไป ที่นอกเหนือจากกรณีลูกหมาที่รู้ชัดว่าเป็นลูกโมเม ซึ่งเจ้าลูกหมา 2 ตัวนี้ยังไม่เข้าข่าย

และความที่คนแถบนั้นเชื่อมั่นว่าลูกหมาน้อยทั้งสองเป็นผลผลิตของโมเม โตขึ้นจะต้องฉลาดและตัวไม่เล็กอย่างแม่ จึงมีคนจองขอไว้ตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อถึงเวลาอันควรก็มีคนรีบมารับเจ้าหางยาวไป นากเองดูจะไม่เป็นแม่ที่หวงลูกนัก อีกสองสามวันต่อมาช่างไม้ที่รักหมาและจองเจ้าสั้นไว้(ตัวที่ไม่มีหาง) เขาจึงเห็นฤทธิ์เจ้าลูกไม่มีพ่อ มันคงเห็นพี่ถูกอุ้มขึ้นรถหายไป จึงทั้งขู่ ทั้งกัด ทั้งดิ้นหนีลงไปซ่อนในท่อระบายน้ำ จนต้องยอมให้อยู่บ้านน้ำสานต่อไปอีกนาน กว่าสมพรจะช่วยอุ้มใส่รถให้เขาไปได้

 

ดู 6 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ที่คล้ายกัน

ดูทั้งหมด
bottom of page