top of page

9 ยอดกุลสตรี ประจำปี 2544

ยอดกุลสตรีสายงานบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม

คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์



คุณหญิงผู้เป็นนักคิด นักเขียนและนักบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมมากมายท่านนี้ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการก่อตั้งมูลนิธิเรือนร่มเย็น ประธานกรรมการโรงพยาบาลจักษุรัตนิน และศูนย์เลเซอร์รักษาสายตารัตนิน-กิมเบล กรรมการบริษัท Asian Neutraceutical (ANC) ที่ปรึกษา มูลนิธิสถาบันกฎหมายอาญา ในเรื่องความรุนแรงในครอบครัว กรรมการมูลนิธิหญิงเพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย ฯลฯ


ในอดีตเคยเป็นนักข่าวและคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์รายวัน Bangkok World นักจัดรายการวิทยุแห่งประเทศไทย ภาคภาษาอังกฤษ เป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่ลุยไปถึงจุดเหนือสุดของประเทศเกาหลีเหนือเพื่อถ่ายทำสารคดีวิดีทัศน์องค์กรของสหประชาชาติ (UNDP) เป็นกรรมการก่อตั้งมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อน ตลอดจนเป็นอาจารย์พิเศษและวิทยากรให้แก่สถานศึกษาอีกหลายแห่ง

ขณะที่ผลงานประพันธ์ สิ้นแสงตะวัน’ ได้รับรางวัลวรรณกรรมดีเด่น จากมูลนิธิ John A. Eakin ปี พ.ศ. 2525 ‘เจ้าแสดแปดขา’ ซึ่งคุณหญิงประพันธ์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ กวาดมาทั้งรางวัลดีเด่นและรางวัลชมเชย ในประเภทหนังสือเด็ก จากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ พ.ศ. 2543 แต่ที่ฮือฮามากคือ ‘ดุจนาวากลางมหาสมุทร’ หนังสือขายดีปี 2542 ส่วนกวีนิพนธ์ชุด ‘ฝนตกยักต้อง ฟ้าร้องยังถึง’ ยังเป็นที่รู้จักของ

นักอ่าน นอกจากนี้ยังแปลผลงานของนักเขียนไทยเป็นภาษาอังกฤษอีกมากมาย

“เมื่ออายุยังน้อย ดิฉันอาจเคยตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้บ้าง ถึงเป้าหรือยังไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ พอใจ ณ จุดที่ยืนอยู่ ชีวิตที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าบางสิ่งที่เคยคิดว่าสำคัญมากมาย เป็นแค่เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป การช่วยเหลือคนอื่นเท่ากับช่วยเหลือตัวเองไปด้วย เกิดการเรียนรู้และความสบายใจ ชีวิตไม่มีอะไรที่แน่นอน แต่ถ้าคนเรามีเพื่อนชีวิตที่ดี มีลูกที่ไม่ทำความเดือดร้อน มีกินมีใช้ ไม่เป็นภาระใคร ใช้ประสบการณ์ชีวิตเป็นประโยชน์กับโลกได้ ก็นับว่าโชคดีแล้ว” กับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้มา ถือได้ว่าเป็นรางวัลหนึ่งของชีวิต ที่รู้สึกอิ่มใจและเป็นแรงสนับสนุนให้เธอทำงานได้อีกหลายอย่าง

“ถ้าเปรียบเวลากับมหาสมุทร ชีวิตคนเราก็เหมือนเรื่อสำเภาที่ออกจากท่า มุ่งฝั่งที่มาดหมาย ถ้าทะเลเรียบก็ถึงฝั่งได้ไม่ยาก แต่บางครั้งพายุบ้า ฟ้ากระหน่ำ เรืออาจจะอับปางลง หรือ ถูกซัดออกนอกเส้นทาง ไม่ว่าไต้ก๋งจะเก่งสักแค่ไหน แต่ไม่แน่ ถ้ามีสติอาจจะถึงปลายทางใหม่ที่ดีกว่าเดิมก็เป็นได้ ”

วันนี้ในวัย 60 ปีของเธอ จะใช้เวลาเขียนหนังสือการสอน และปฏิบัติธรรม ตลอดจนช่วยงานศูนย์ฮอตไลน์ให้มากขึ้น “ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว คือสิ่งที่ดิฉันจะเป็นแรงหนุน ผลักดัน ช่วยคิด ช่วยเสริม โดยไม่มีตำแหน่งใด ๆ ส่วนมูลนิธิเรือนร่มเย็นในฐานะที่เป็นประธานก่อตั้งมา 8 ปี คิดว่าคุณเตือนใจ ดีเทศน์ จะทำได้ดี จึงขอให้เธอรับหน้าที่นี้ต่อไป ขณะที่โรงพยาบาลรัตนินที่กำลังจะขยายกว้างขึ้นขออยู่ในฐานะที่ปรึกษา โดยจะมอบหมายให้ลูกชาย ลูกสาว และลูกสะใภ้ รับภาระบริหารงานส่วนใหญ่”

เธอมองถึงปัญหาคือเรื่องธรรมดาของชีวิต ความคิดไม่ใสและไร้ประโยชน์ หากมัวแต่มานั่งสงสารตัวเอง ตั้งสติให้ดี มองหลากมุมที่ทำให้เกิดปัญหา ก่อนจะทำเรื่องใหญ่ให้เล็กลง และยืนยันค่ะว่า หาใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านใดเป็นพิเศษ แต่นิยมที่จะเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังมากกว่า


 

จาก: คอลัมน์รายงานพิเศษ นิตยสารกุลสตรี ปีที่ 31 ฉบับที่ 730 เดือนมิถุนายน ปักษ์แรก 2544.

ดู 4 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page