top of page

เรื่องของปิง

เรื่อง:มาร์โจรีย์ แฟล็ค ภาพ: เคิร์ท ไวส์

แปล: คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ และ จิตรจารี ปีตธวัชชัย



กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเป็ดน้อยรูปหล่อชื่อ ปิง ปิงอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ พี่สาวน้องสาว 2 ตัว พี่ชาย

น้องชายอีก 3 ตัว ป้าๆ น้าๆ 11 ตัว ลุงๆ อาๆ 12 ตัว และลูกพี่ลูกน้องอีก 42 ตัว


บ้านของพวกมันเป็นเรือที่มีดวงตาฉลาดล้ำ ลอยลำอยู่ในแม่น้ำแยงซี


ทุกๆ เช้า เมื่อพระอาทิตย์ลอยขึ้นทางทิศตะวันออก ปิงกับพ่อ แม่ พี่ๆ น้องๆ ลุง ป้า น้า อา และลูกพี่

ลูกน้องของมันอีก 42 ตัว จะเรียงแถวเดินข้ามสะพานเล็กๆ ทีละตัว ทีละตัว จากเรือไปยังฝั่งแม่น้ำแยงซี


ทั้งวัน พวกมันจะจับหอยทาก ปลาตัวเล็กๆ และหาของอร่อยๆ กิน แต่พอเย็นค่ำในขณะที่พระอาทิตย์กำลังเลื่อนลับทางทิศตะวันตก เจ้าของเรือจะส่งเสียงเรียก “ลา ลา ลา ลา เล”


ปิงและครอบครัวใหญ่ของมันก็จะรีบตั้งหน้าตั้งตากลับมา พวกมันจะเดินซอยเท้าเร็วๆ เรียงตัวกันเป็นแถวข้ามสะพาน ทีละตัว ทีละตัว ขึ้นเรือที่มีดวงตาฉลาดล้ำ ซึ่งเป็นบ้านมัน บนแม่น้ำแยงซี


ปิงจะระวังเสมอ ระวังมากๆ ที่จะไม่เป็นตัวสุดท้าย เพราะเป็ดตัวท้ายที่ข้ามสะพานขึ้นเรือจะโดนตีที่หลัง ทุกที


แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อบ่ายแก่จนเงาแดดทอดยาว ปิงไม่ได้ยินเสียงเรียก เพราะกำลังเอาหัวมุดน้ำก้นชี้ฟ้า พยายามจับปลาอยู่ กว่าปิงกลับหัวขึ้นมา แม่ พ่อ และป้าๆ น้าๆ ก็กำลังเดินเรียงแถวก้าวขึ้นสะพานกัน

ทีละตัว ที่ละตัว กว่าปิงจะว่ายเข้าไปใกล้ฝั่ง พวกลุงๆ และลูกพี่ลูกน้องมันก็กำลังเดินเรียงแถวก้าวขึ้นไป

ทีละตัว ทีละตัว และกว่าปิงจะถึงฝั่ง ลูกพี่ลูกน้องตัวสุดท้ายในทั้ง 42 ตัว ก็ข้ามสะพานไปแล้ว!


ปิงรู้ว่ามันต้องเป็นตัวสุดท้าย ท้ายสุดๆ ถ้ามันข้ามสะพาน ปิงไม่อยากถูกตีจนก้นบิด มันก็เลยแอบอยู่


ปิงแอบอยู่หลังกอหญ้า พอมืดลงและพระจันทร์สีซีดๆ ส่องแสงอยู่บนฟ้า ปิงก็มองตามเรือที่มีดวงตาฉลาดล้ำล่องจากไปในแม่น้ำแยงซี


ตลอดทั้งคืน ปิงเอาหัวซุกใต้ปีกหลับอยู่ข้างพุ่มหญ้าบนฝั่งแม่น้ำแยงซี และเมื่อพระอาทิตย์โผล่ขึ้นทางตะวันออก มันก็พบว่า มันอยู่ตัวเดียวในแม่น้ำแยงซี ไม่มีพ่อ แม่ ไม่มีพี่สาวน้องสาว พี่ชายน้องชาย ไม่มีพวกลุงป้าน้าอา และไม่มีลูกพี่ลูกน้อง 42 ตัว ว่ายน้ำหาปลากับมันเลยสักตัว ฉะนั้น ปิงจึงออกตามหา

มันว่ายไปตามลำน้ำสีเหลืองของแม่น้ำแยงซี


เมื่อพระอาทิตย์ลอยสูงขึ้น เรือต่างๆ ก็ล่องเข้ามาในแม่น้ำ มีทั้งเรือใหญ่ เรือเล็ก เรือจับปลา เรือขอทาน เรือบ้าน เรือแพ เรือทุกลำมีตาไว้มอง แต่ไม่ว่าปิงจะมองไปทางไหน ก็ไม่เห็นเรือที่มีดวงตาอันชาญฉลาด ซึ่งเป็นบ้านมันเลย


แล้วปิงก็เห็นเรือลำหนึ่งที่เต็มไปด้วยนกจับปลารูปร่างประหลาดๆ ตัวสีดำๆ ซึ่งพากันดำน้ำจับปลาให้นายมัน เมื่อใดที่มันนำปลาไปให้ นายก็จะตอบแทนมันด้วยปลาชิ้นเล็กๆ


พอนกจับปลาโฉบเข้ามาใกล้ๆ ปิงก็เห็นห่วงเงาวับอยู่รอบคอ เป็นห่วงโลหะเป็นวงแหวนขนาดเล็ก รัดคอแน่น จนมันไม่สามารถกลืนปลาที่จับมาไม่ได้


พวกนกที่มีห่วงรัดคอ โฉบและพุ่งอย่างรวดเร็วจนน้ำแตกกระเซ็น ตรงนั้น ตรงนี้ ใกล้ๆ กับปิง


ปิงมุดน้ำและดำว่ายอยู่ใต้ผิวน้ำสีเหลืองของแม่น้ำแยงซี


พอปิงโผล่ขึ้นมา ไกลจากพวกนกจับปลา มันก็เจอเศษแป้งสุกเล็กๆ ลอยอยู่ เป็นเศษหมั่นโถเล็กๆ นุ่มๆ เป็นแนวไปสู่เรือบ้านลำหนึ่ง


ปิงกินเศษหมั่นโถไป มันก็ใกล้เรือบ้านลำนั้นเข้าไปทุกที ทุกที และแล้ว. . .

ตูม !


เด็กผู้ชายเล็กๆ คนหนึ่งลงมาลอยอยู่ในน้ำ ที่หลังเขามีถังไม้มัดติดอยู่ด้วยเชือกที่โยงไปผูกกับเรือ เหมือนเด็กเรือทุกคนในแม่น้ำแยงซี ที่จะมีเชือกผูกโยงไว้กับเรือ มือเด็กคนนี้ถือหมั่นโถอยู่

“โอ๊ะ... !” เด็กน้อยร้อง ปิงพุ่งขึ้นมาฉกที่ก้อนหมั่นโถว

เขาคว้าปิงไว้อย่างเร็ว แล้วกอดปิงไว้แน่น


“ก้าบ...ก้าบ...ก้าบ...ก้าบ !” ปิงร้อง


“โอ้ – โอ้ว...” เด็กตะโกน

ปิงกับเด็กทำน้ำแตกกระจาย และส่งเสียงดังเสียจนพ่อเด็กวิ่งออกมา แม่เด็กก็วิ่งออกมา น้องสาวกับ

พี่ชายเด็กก็วิ่งออกมา พวกเขามองข้ามกาบเรือไปที่ปิงและเด็กน้อยที่กำลังทำน้ำแตกกระจายอยู่ในแม่น้ำแยงซี


แล้วพ่อและแม่เด็กก็ดึงเชือกที่ผูกกับถังไม้บนหลังเด็กขึ้นมา


พวกเขาดึง แล้วก็ดึง จนในที่สุดปิงกับเด็กก็ขึ้นมาอยู่บนเรือบ้าน


“อ้า... อาหารเย็นเนื้อเป็ดมาหาเราแล้ว” พ่อพูด


“ฉันจะเอาเป็ดไปทำกับข้าวตอนพระอาทิตย์ตกเย็นนี้” แม่เด็กว่า


“ไม่เอา ไม่เอา เป็ดแสนดีของฉันสวยเกินกว่าที่จะเอาไปกิน” เด็กผู้ชายร้อง


แต่แล้วก็มีสุ่มลงมาครอบปิง และมันก็ไม่เห็นเด็กน้อยคนนั้นอีก ไม่เห็นแม้แต่เรือ หรือท้องฟ้า หรือน้ำ

สีเหลืองสวยของแม่น้ำแยงซี


ตลอดทั้งวัน ปิงมองเห็นแค่เส้นแสงบางๆ ของดวงอาทิตย์ ที่ส่องผ่านรอยสานของสุ่มเข้ามา ปิงเศร้ามาก


เมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ปิงก็ได้ยินเสียงพายเรือ และรู้สึกถึงแรงกระชาก กระชาก กระชากของเรือที่พายไปตามแม่น้ำแยงซี


ในไม่ช้า เส้นแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านรอยสานของซุ่ม ก็กลายเป็นสีกุหลาบ ปิงรู้ว่าพระอาทิตย์กำลังเลื่อนลงทางทิศตะวันตก แล้วปิงได้ยินฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ๆ มัน


สุ่มถูกยกขึ้นอย่างรวดเร็ว และมือเด็กชายตัวน้อยๆ ก็อุ้มปิงขึ้นมา


อย่างเงียบกริบและว่องไว เด็กน้อยยกปิงข้ามกาบเรือและปล่อยปิงเลื่อนหลุดลงน้ำ น้ำสีเหลืองสวยของแม่น้ำแยงซี


และแล้ว ปิงก็ได้ยินเสียงเรียก “ลา-ลา-ลา-ลา-เล !”


ปิงมองไป ตรงนั้น ใกล้ๆ ฝั่งแม่น้ำ ปิงเห็นเรือที่มีดวงตาฉลาดล้ำ ซึ่งเป็นบ้านของปิง ปิงเห็นแม่ เห็นพ่อ เห็นป้าๆ น้าๆ ของมัน กำลังเดินเรียงแถวทีละตัว ทีละตัว ขึ้นสะพานเล็กๆ


ปิงหันและรีบว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว สะบัดเท้าแรงๆ มุ่งหน้าไปยังฝั่ง คราวนี้ ปิงเห็นลุงๆ อาๆแล้ว...กำลังเดินเรียงแถวทีละตัว ทีละตัว


สะบัดเท้า สะบัดเท้าอย่างเร็ว ปิงรีบเร่งไปที่ฝั่ง ปิงเห็นลูกพี่ลูกน้องมันเดินเรียงแถวทีละตัว ทีละตัว


สะบัดเท้า สะบัดเท้าเร็วจี๋ ปิงเข้าใกล้ฝั่งแล้ว แต่.....


เมื่อปิงถึงฝั่ง ลูกพี่ลูกน้องตัวสุดท้ายใน 42 ตัวของปิง ก็เดินขึ้นสะพานแล้ว และปิงรู้ตัวว่ามาสายอีกแล้ว

แต่มันก็เดินขึ้น ขึ้นไปบนสะพานเล็กๆ “เปี๊ยะ” ปิงถูกตีที่หลัง


ในที่สุด ปิงก็ได้กลับมาอยู่กับแม่ กับพ่อ กับพี่สาวน้องสาว 2 ตัว กับพี่ชายน้องชาย 3 ตัว กับป้าๆ น้าๆ

11 ตัว กับลุงๆ อาๆ 7 ตัว และกับลูกพี่ลูกน้องอีก 42 ตัวของมัน กลับมาอยู่บ้านอีกครั้งหนึ่ง บนเรือที่มี

ดวงตาฉลาดล้ำ ซึ่งล่องลำอยู่ในแม่น้ำแยงซี


 

'เรื่องของปิง' (The Story about Ping)


เป็นเรื่องราวของลูกเป็ดที่ออกเที่ยวเพลินจนตามฝูงเป็ดพี่ๆ น้องๆ กลับขึ้นเรือไม่ทัน 'ปิง' กลัวถูกทำโทษ จึงหนีออกเผชิญลกตามลำพัง จนพลาดท่าเกือบตกเป็นอาหารเย็นอันโอชะของครอบครัวชาวเรือ


เรื่องของ 'ปิง' จัดอยู่ในกลุ่มหนังสือภาพอมตะของโลก ด้วยเวลาเกือบ 80 ปี นับจากการตีพิมพ์ครั้งแรก หนังสือเล่มนี้ได้สร้างความประทับใจให้แก่คนรุ่นแล้วคนเล่า จนปัจจุบันแม้เทคโนโลยีจะได้ก้าวไปใกล และเทคนิคการทำภาพจะได้พัฒนาเพียงใด แต่สำหรับแวดวงหนังสือภาพสำหรับเด็ก 'เรื่องของปิง' ก็ยังยืนอยู่ในอันดับต้นฯ ของโลกได้อย่างภาคภูมิ จึงต้องนับว่า 'เรื่องของปิง' เป็นหนังสือเด็กที่อยู่เหนือกาลเวลา

โดยแท้


วิธีเล่าเรื่องที่มีลักษณะเหมือนจริง ทั้งสภาพแวดล้อม บรรยากาศ และบุคลิกตัวละคร ช่วยส่งให้เรื่องราวของปิงยิ่งเข้าใกล้ใจเด็กๆ ทำให้เด็กๆ ก็รู้สึกใกล้ชิด รัก เป็นห่วงเป็นใย และเห็นใจปิง พร้อมๆ กับได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่าไปกับปิง


ผู้เขียนและวาดภาพ


มาร์โจรีย์ แฟล็ค มีชีวิตอยู่ระหว่าง ปีพ.ศ. 2440-2501 เธอมีผลงานหนังสือสำหรับเด็กหลายเล่ม เมื่อ 'เรื่องของปิง' ถูก Captain Kangaroo พิธีกรรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กนำไปออกอากาศ ชื่อเสียงเธอ

ก็โด่งดังขึ้นมาในฐานะนักเขียนหนังสือสำหรับเด็ก และต่อมาในปีพ.ศ.2490 ผลงานหนังสือเด็กเรื่อง

The Boat on The River ของเธอก็ได้รับรางวัลเกียรติยศเหรียญ Caldecott Honor


เคิร์ก ไวส์ เกิดที่สาธารณรัฐเยอรมนี ในปี พ.ศ. 2430 เขาใช้ชีวิตวัยหนุ่มอยู่ในประเทศจีนนานถึงหกปี

หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาถูกทหารญี่ปุ่นควบคุมตัว ก่อนส่งไปขังในประเทศอังกฤษรวมกับนักโทษ

ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชาวออสเตรีย ที่นี่เองที่เขาได้แรงบันดาลใจในการวาดภาพอีกครั้ง


ผลงานหนังสือเด็กของ เคิร์ก ไวส์ ได้รับการยอมรับอย่างสูง และเขาเคยได้รับรางวัลเกียรติยศทั้ง Caldecott Honor และได้วาดภาพประกอบให้หนังสือรางวัล Newbery ซึ่งเป็นรางวัลหนังสือยอดเยี่ยมสำหรับเด็กโตอีกด้วย


ผู้แปล


คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ นักเขียน กวีและประธานบริษัทแพทย์รัตนิน มีผลงานเขียนทั้งนิทานสำหรับเด็ก เช่น เจ้าแสดแปดขา ฉันคือปูลม กระต่ายต๊องหาโพรง หนังสือเชิงปรัชญา เช่น วิชาตัวเบา เข็นครกลงเขา และหนังสือเชิงประวัติศาสตร์ เรื่อง ดุจนาวากลางมหาสมุทร มีความสนใจด้านพุทธศาสนา

วรรณคดี ศิลปะ และกิจกรรมเพื่อสังคม ได้รับเชิญให้เป็นผู้แปล 'เรื่องของปิง' หากแต่มีมือดี คือลูกสาว (จิตรจารี ปีตธวัชชัย) เห็นว่าหนังสือน่าสนุก จึงขอฉวยไปช่วยแปลร่วม


ข้อมูลหนังสือ


'เรื่องของปิง"

มาร์โจรีย์ แฟล็ค และ เคิร์ท ไวส์ เรื่องและภาพ

คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ แปล

ระพีพรรณ พัฒนาเวช บรรณาธิการ

พิมพ์ครั้งที่ 1 พฤศจิกายน 2552

ราคา 55 บาท

Original Title : The Story about Ping

Written by Marjorie Flack

Illustrated by Kurt Wiese

จัดพิมพ์โดย มูลนิธิซิเมนต์ไทย


 

ดู 6 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ที่คล้ายกัน

ดูทั้งหมด
bottom of page