top of page

รักออนไลน์ ในวัยบั้นปลาย

ดร.ชิงชัย – คุณหญิงจำนงศรี (รัตนิน) หาญเจนลักษณ์


โดย ชงโคใบบาง



เกษียณงานแล้วอยากพักผ่อน อยู่บ้านเลี้ยงหลานไปวัดฟังธรรม ไปเที่ยวในที่ที่อยากไป จะใช้ชีวิต

อย่างสงบและสันโดษ ฯลฯ เหล่านี้คือจุดมุ่งหมายหลักของคนทั่วไปที่ได้วางแผนให้กับชีวิตตัวเองในวัยบั้นปลาย ไม่มีใครหรอกที่คิดวาดหวังไว้ล่วงหน้าว่าจะแต่งงานใหม่ จะมีชีวิตคู่ใหม่ในวัยนี้

‘ดร.ชิงชัย หาญเจนลักษณ์ ’ กรรมการบริหารบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด มหาชน กรรมการบริษัท ASIAN NUTRACEUTICAL CENTER (ANC) ฯลฯ และ ‘คุณหญิงจำนงศรี รัตนิน’ ประธานกรรมการโรงพยาบาลจักษุรัตนิน ประธานมูลนิธิเรือนร่มเย็น ฯลฯ ก็คิดทำนองนี้เช่นกัน


“ดิฉันมีความสุขมากในการที่อยู่คนเดียว ไม่คิดว่าชีวิตม่ายจะเป็นชีวิตที่มีความสุขมาก เพราะฉะนั้นการจะต้องเป็นม่ายไปจนตาย เป็นสิ่งที่ดิฉันไม่รังเกียจเลยที่จะเป็น และไม่เคยคิดฝันเลยที่จะแต่งงานใหม่” คือการเปิดเผยของคุณหญิงจำนงศรี หลังการสิ้นของสามี ‘นายแพทย์อุทัย รัตนิน ’ คู่ชีวิตที่อยู่กินกันมานานกว่า 30 ปี

ในขณะเดียวกันที่ ดร.ชิงชัย ก็เคยคิดไว้ว่า “พอภรรยาเสีย ผมไม่เหงานะ เพื่อนผมมีเยอะแยะ เพื่อนหญิงถ้าพูดตรงๆ ก็มีมาเจอกัน แต่ไม่ถูกใจ พูดง่ายๆ ว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง ไปกินข้าวกันครั้งเดียวก็เลิก แต่ผมไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร ไม่เชิงว่าไม่คิดจะมีใครใหม่ แต่คิดว่าคงจะอยู่คนเดียวได้ โดยใช้การทำงานเป็นหลัก เพราะงานผมมีเยอะเหลือเกิน และอีกอย่างฐานะผมก็พอไปได้ มีบ้านอยู่ เลี้ยงสุนัขร็อดไวเลอร์ไว้เป็นเพื่อน คิดว่าคงอยู่เป็นโสดได้สบายๆ ไม่เดือดร้อน จึงไม่รู้สึกว่าต้องการใครอีกนะครับ”

กาลเวลาทำให้คนเราเปลี่ยนความคิดบางอย่างได้...เมื่อกาลเวลาทำให้ ดร.ชิงชัย พบกับ คุณหญิงจำนงศรี ทั้งคู่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนี้โดยมีคอมพิวเตอร์เป็นสื่อรัก ถ้าใครเคยชมภาพยนตร์ฝรั่งเรื่อง You’ve got mail ซึ่งนำแสดงโดย ทอม แฮงค์ และ เม็ก ไรอัน คงจะซาบซึ้งถึงความรักในโลกไซเบอร์สเปซได้เป็น

อย่างดี และรักออนไลน์ในวัยบั้นปลายของคนทั้งคู่ ก็มีความโรแมนติกไม่แพ้เรื่องราวในภาพยนตร์เลย

ดร.ชิงชัยพบคุณหญิง 5 ปีมาแล้ว เมื่อฝ่ายแรกอายุ 58 ฝ่ายหลังอายุ 60 ฝ่ายแรกไม่มีลูก ฝ่ายหลังมีลูก

4 คน และเรื่องราวทั้งหมดก็ได้พรั่งพรูจากปากของ ดร.ชิงชัย บัณฑิตปริญญาเอก ด้านกฎหมายมหาชน มหาวิทยาลัย CAEN (กัง) ประเทศฝรั่งเศสว่า


“ผมกับคุณหญิงมาพบมาคบกันในช่วงเวลาที่เรียกว่า วัยไพรม์ (PRIME) แล้ว จุดนี้อาจจะได้เปรียบคนอื่นตรงที่เราเคยผ่านชีวิตมามาก เคยผ่านชีวิตคู่มาแล้ว ทำให้เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เราขาดไปในชีวิตที่ผ่านมา และอะไรที่เราอยากมีในช่วงที่เวลาอาจจะเหลือน้อยแล้ว ดังนั้นเราจึงรักเพื่อให้ต่างฝ่ายมีความสุข และมีความสุขซึ่งกันและกัน


"เมื่อได้คบคุณหญิง ผมรู้สึกว่า เรามีความสนใจคล้ายกันมาก ไม่ว่าจะเป็นงานด้านสังคมหรือ

งานด้านวิชาการ คุณหญิงชอบวรรณคดีภาษา ส่วนผมเองสนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในอดีตผมเคยเป็นหัวหน้ากองการร่วมมือกับประเทศอื่น กรมวิเทศสหการ และผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก องค์การวิจัยเพื่อพัฒนาระหว่างประเทศ ฯลฯ เคยเป็นอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งคุณหญิงก็เหมือนกัน


"นอกจากนี้เรายังมีส่วนช่วยเหลือสังคมเหมือนกัน คุณหญิงเป็นประธานมูลนิธิเรือนร่มเย็น ซึ่ง

ช่วยเหลือเด็กในวัยเสี่ยง ส่วนผมเองเป็นเลขาธิการมูลนิธิวิเทศพัฒนา ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ให้เงินช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ อีกครั้ง โดยมูลนิธิวิเทศพัฒนาได้รับเงินสนับสนุนจากแคนาดาและอเมริกา มูลนิธินี้ได้ให้เงินช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ รวมทั้งมูลนิธิเรือนร่มเย็นของคุณหญิงด้วย นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้มีโอกาสรู้จักและติดต่องานกับคุณหญิงเป็นครั้งแรกครับ


"พอเจอกันแล้ว วิธีที่จะติดต่อกันอีก ผมเลือกใช้การติดต่อทางอี–เมล์ หลายคนอาจจะนึกว่า แหม! อายุขนาดผมทันสมัยขนาดใช้อีเมล์เลยหรือ ความจริงผมอยากจะบอกว่า อีเมล์นี่ผมใช้มานานแล้ว เพราะผมทำงานองค์การระหว่างประเทศ ใช้ก่อนที่จะมาฮิตในบ้านเราเสียอีก ผมจึงติดต่อสื่อสารกับคุณหญิงทางอีเมล์แทนการพูดโทรศัพท์


"เหตุผลที่ไม่ใช้โทรศัพท์ คือทั้งผมทั้งคุณหญิง เราเขียนได้ดีกว่าพูดทั้งคู่ เวลาเขียนความคิดเราแล่นได้ดีกว่า คุณหญิงเขียนภาษาไทยและอังกฤษได้ดีมาก ส่วนผมจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เพราะทำงานองค์กรระหว่างประเทศต้องใช้ภาษาอังกฤษจนชินมาเกือบ 30 ปี ความจริงภาษาไทยผมก็ใช้ได้นะครับ เพียงแต่ผมพิมพ์ดีดไม่เป็น เลยใช้ภาษาอังกฤษแทน


"แรก ๆ เราคุยกันเรื่องปรัชญา เรื่องความรู้ต่างๆ ก่อน แต่ใช้เวลาไม่นาน หลังจากเขียนโต้ตอบกัน เราก็รู้ความคิดของกันและกัน คือเรามีอายุแล้ว ไม่ต้องพูดกันนาน ก็รู้และเข้าใจกันคล้ายๆ ว่า มันเป็นเรื่องที่มีแรงประสานกันคล้ายๆ ภาพจิ๊กซอว์ที่มาต่อกันได้ลงตัวพอดี

"ตอนหลังพอคุยกันเรื่องปรัชญา ผมก็แฝงความรู้สึกในใจของตัวเองไป”

ดร.ชิงชัยและคุณหญิงสื่อรักออนไลน์กันอยู่ร่วมปีจึงตกลงปลงใจมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

“หลังจากคบหาดูใจกันได้ร่วมปี เพราะหนึ่งเป็นผู้ชาย ทำอะไรก็ไม่มีข้อขัดข้องทางสังคมมากเหมือนผู้หญิง ที่สำคัญคือผมไม่มีลูก


"หลังจากภรรยาคนแรก (คุณสุดา) เสียตอนอายุ 53 ด้วยโรคเลือดธาลัสซีเมีย ผมกับภรรยาอายุเท่ากันนะครับ เราแต่งงานกันตอนอายุ 28 หมอทางโรคเลือดได้แจ้งให้เราทราบว่าคนที่เป็นโรคนี้จะอายุไม่ยืน เพราะเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ พอภรรยาผมเสีย ผมก็เสียใจเป็นธรรมดาและคิดว่าน่าจะอยู่คนเดียวได้ เพราะชีวิตผมเคยชินกับการอยู่คนเดียวพอสมควร ผมใช้ชีวิตคู่กับภรรยาก็จริง แต่ผมต้องเดินทางตลอด บางทีไปประจำอยู่ต่างประเทศคราวละนานๆ ปีนึงเดินทางไม่ต่ำกว่า 100 วัน แต่ผมก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับภรรยา จนกระทั่งเธอจากไป แม้ว่าเราจะไม่มีลูกด้วยกัน จากสาเหตุโรคประจำตัวของภรรยาก็ตามครับ


"ทางด้านคุณหญิงดูน่าจะมีปัญหากว่าเพราะตอนนั้นเธออายุ 60 แล้ว เธอต้องคิดมากเป็นธรรมดาสำหรับการตัดสินใจจะมีชีวิตคู่ใหม่อีกครั้ง อีกทั้งคุณหญิงเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม ทำอะไรจึงต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ ที่สำคัญคือลูกทั้ง 4 คนของคุณหญิงที่ต้องห่วงใยความรู้สึกมากเป็นพิเศษ แต่แปลกนะครับลูกทั้งสี่กลับไม่มีใครขัดข้องเลย ทุกคนยินดีที่แม่มีเพื่อนชีวิตในวัยบั้นปลาย มีคนมาดูแล

จะได้ไม่เหงาและอ้างว้าง จุดนี้จึงผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา


"ผู้หญิงมักเสียเปรียบผู้ชาย อย่างคุณหญิงดูผม หรือคนอื่นดูผม เขาก็ต้องคิดว่า ผมเป็นผู้ชายแปลก ลูกก็ไม่มี ตำแหน่งงานก็สูง แน่นอนว่าจะต้องมีผู้หญิงให้เลือกมากมาย แล้วทำไมถึงมาเลือกคุณหญิงซึ่งแก่กว่า 2 ปี แล้วถ้าคุณหญิงเลือกผม ก็มีคำถามอีกว่า จะมีความจริงใจหรือเปล่า


"สำหรับผม ผมไม่คิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นอุปสรรค มันเป็นเรื่องของคน 2 คนมากกว่า สิ่งอื่นเป็นแค่องค์ประกอบภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนามสกุลเดิมของคุณหญิง (ล่ำซำ-บุตรของจุลินทร์-สงวน ล่ำซำ) บางครั้งที่คุณหญิงต้องใช้นามสกุลของสามีเดิม ก็เพราะเป็นนามปากกาที่คุณหญิงใช้เขียนหนังสือจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก คนอื่นจะได้ไม่ต้องสงสัยให้ยุ่งยากว่าจำนงศรีไหน


"อาจจะเป็นเพราะผมเป็นนักวิชาการ เป็นนักคิด มีเหตุผล ผมจึงไม่คิดอะไรกับเรื่องเหล่านี้ เพราะมันไม่มีอะไรให้คิด ผมเป็นห่วงแต่ความรู้สึกของลูกๆ คุณหญิงว่าจะยอมรับผมได้หรือไม่เท่านั้น อีกประการคือ ผมเคยรู้จักอาจารย์หมออุทัย (สามีของคุณหญิง) รู้จักมานาน ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่แคนาดา สมัยผมทำงานที่กรมวิเทศสหการซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจ เพียงแต่ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่ เพิ่งกลับมา ส่วนอาจารย์หมออุทัยมีชื่อเสียงแล้ว แต่ตอนนั้นผมยังไม่เคยเจอคุณหญิงนะครับ


"ตอนหลังพอตกลงใจกันว่าจะแต่งงานกันแน่นอน ผมกับคุณหญิงจึงทำความเข้าใจกับลูกๆ ของคุณหญิงว่า ที่ผมเข้ามาเข้ามาโดยบริสุทธิ์ใจ เรื่องกอบโกยอะไรนี่ไม่มีอยู่แล้ว (หัวเราะ) ผมไม่ได้เข้ามาในลักษณะผู้บุกรุก ในลักษณะโยนก้อนหินลงไปน้ำนิ่งๆ ดังตู้ม จนน้ำสะเทือน แต่ผมพยายามเข้าไป

อย่างกลมกลืนที่สุด จนในที่สุดลูกทุกคนของคุณหญิงก็รับผมได้ มาเดี๋ยวนี้เขาคุยกับผม บางทีมากกว่าคุยกับแม่ของเขาเสียอีก เขาเรียกผมว่าอา เพราะผมอายุน้อยกว่าคุณหญิง แต่เราไม่มีปัญหาเรื่องอายุกันนะครับ ผมว่าคนเราพอเลย 55 มันก็เท่ากันหมด (หัวเราะ)


"ในขณะเดียวกันหลานยายของคุณหญิงก็ติดผม จนบางครั้งมากกว่าติดคุณหญิงเสียอีก คงเป็นเพราะผมเป็นคนรักเด็ก ชอบตามใจเด็กเพราะผมเองไม่มีลูก ไม่มีหลาน พอมาเจอหลานยายของคุณหญิง ผมเลยทั้งรักทั้งหลง (หัวเราะ) ผมรักหลานคุณหญิงทุกคน แต่คนละแบบ เพราะแต่ละคนมีจุดที่น่ารัก พิเศษแตกต่างกันไป เปรียบเทียบกันไม่ได้ แต่ที่เป็นคนโปรด คือลูกของลูกคนสุดท้องของคุณหญิง เขาเกิดวันเดียวเดือนเดียว (25 กรกฎาคม) กับผม อายุเพิ่งขวบกว่า ผมติดเขาแจเลยครับ ”

ปัจจุบันกรรมการบริหารสถาบันพระปกเกล้า ที่ปรึกษาศาลปกครอง กรรมการหอการค้าไทย ประธานสภาธุรกิจไทย-ฝรั่งเศส ผู้นี้แต่งงานอยู่กินกับคุณหญิงจำนงศรีมาได้ 4-5 ปีแล้ว


"ใช่ครับเราแต่งงานกันปี ค.ศ. 97 เดือนตุลา ตอนแต่งงานส่วนมากจะมีคนแสดงความยินดี มากกว่าจะมาครหาว่า แก่ไม่อยู่ส่วนแก่ มาแต่งทำไม หรือต่อว่าว่าเป็นพวกแก่ตัณหากลับ ซึ่งจุดนี้ผมอยากจะบอกว่า การที่คน 2 คนแต่งงานกัน มันมีมากกว่าเรื่องเซ็กส์หรือเรื่องตัณหานะครับ มันเป็นเรื่องของ companionship เป็นเพื่อนคู่คิด คู่ปรึกษา ถ้าเผื่อผมจะแต่งงานเพราะเรื่องเซ็กส์ ผมไม่แต่งดีกว่า เพราะถึงไม่แต่ง ผมจะมีโอกาสเรื่องเซ็กส์มากแน่นอน


"แต่การจะหาคนมาเป็นเพื่อนคู่ใจ หาคนที่คุยกันเข้าใจ รู้เรื่อง หาคนที่คอยปลอบใจหรือให้กำลังใจเวลาเรายุ่งๆ คนที่เป็นทุกอย่างที่เราต้องการได้ มันหาลำบาก เพราะฉะนั้น ถ้าคนสูงวัยเจอคนที่

ส่งเสริมซึ่งกันและกันแบบนี้ เราก็ควรจะแต่งงาน เพราะในวัยนี้ โอกาสเลือกผิดมีน้อย ผมโชคดีนะ

ที่มาเจอคุณหญิง เพราะถ้าไม่เจอ ผมก็คงไม่ได้แต่งงานอีก


"สิ่งที่ทำให้ผมชอบคุณหญิง คือ เธอมีความสามารถหลายๆ ด้าน เป็นคนแอคทีฟ เป็นผู้หญิงทำงาน มีความเก่งรอบตัว เป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่งโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งนิสัยคล้ายผม

และที่สำคัญชอบเรื่องโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เธอชอบวรรณกรรมและวรรณคดีมาก จึงมีส่วนทำให้ชีวิตคู่ของเราโรแมนติก แต่เป็น โรแมนติกที่บรรลุแล้ว เพราะเราไม่ใช่เด็ก ไม่ใช่หนุ่มสาว ความจริงไม่ใช่โรแมนติกหรอก แต่เป็น insight appreciation เป็นความถูกใจซึ่งจรรโลงใจ เข้าถึงจิตใจของกันและกันมากกว่า

"หลังจากนั้นเราก็จดทะเบียนสมรสกัน มีกินเลี้ยงกันในหมู่ญาตินิดหน่อย มีไปตักบาตรที่วัดสุทัศน์ และมีไปฮันนีมูนกันที่ฝรั่งเศส ส่วนมากคนที่รู้ข่าวของผมกับคุณหญิงจะแสดงความยินดีกับเรานะ บางคนบอกว่าดีกว่าผมไปได้สาวๆ ที่ไหนอ่อนคราวลูก (หัวเราะ) ส่วนเรือนหอนั้นผมอยู่คอนโดฯ อยู่กันแค่ 2 คน เพราะมันสะดวกและไม่ต้องดูแลอะไรมากมายนักนะครับ ส่วนบ้านเรามีบ้านที่อำเภอแม่ริม เชียงใหม่

กะว่าถ้าเกษียณแล้ว คงจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ”

ดร.ชิงชัย บอกว่า หลังจากเกษียณแล้วก็จะยังทำงานด้านพัฒนาสังคมต่อไปโดยมีคุณหญิงเป็นผู้ให้การสนับสนุน เพราะคุณหญิงเองก็ชอบงานช่วยเหลือสังคมเป็นทุนอยู่แล้ว


“สิ่งที่ผมทำอยู่และคิดว่าจะทำต่อไปแม้จะเกษียณแล้ว คือ องค์กรเอเอ็นซี ZASIAN NUTRACUETICAL CENTER) หรือองค์กรประสานงานวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เพื่อสุขภาพไทย-เอเชีย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกใจผมมากที่สุด เป็นเรื่องการนำงานวิจัยมาใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่สามารถจะสร้างอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติของไทยหรือสมุนไพรไทย ทั้งนี้ ANC จะนำผลงานวิจัยมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อขายสู่ตลาดโดยรายได้ส่วนหนึ่งนำจะไปเป็นทุนสนับสนุนงานวิจัยใหม่ ๆ ต่อไป


"ผมเคยทำงานในองค์การระหว่างประเทศ ผมจึงรู้ดีว่า การให้ทุนนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับงานวิจัย บางทีมีงานวิจัยดี ๆ นั้นก็จะมาถูกทำแท้ง ไม่มีโอกาสได้เกิด ผมจึงคิดก่อตั้งองค์กร ANC ขึ้น

ร่วมกับ ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา เพื่อสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์ไทย ให้ค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มี

ความปลอดภัยสูงที่สุดแก่ผู้บริโภค โดยขณะนี้ทั้งผมและคุณหญิงเป็นกรรมการบริหารอยู่ทั้งคู่


"ผมคิดว่า ANC จะทำประโยชน์ได้อย่างมหาศาลเพราะได้นำงานวิจัยซึ่งมีผลรับรองดีแล้ว

มาแปรรูปให้เป็นสินค้า แล้วนำเข้าตลาดเสรี ทำให้เกิดวงจรของนวัตกรรม หรือสินค้าใหม่ๆ ดีๆ

อย่างขณะนี้องค์กรของเราได้สนับสนุนอาจารย์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คิดค้นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เพื่อทำให้ผิวหน้าขาวใสจนประสบความสำเร็จ ค้นพบสูตรไวท์เบอรี่ พีโอ (WHITE BERRY P O) สำหรับรักษาฝ้าขึ้นมาได้ เมื่อเหล่าอาจารย์คิดค้นงานวิจัยพื้นฐาน (BASIC RESEARCH) เหล่านี้ องค์กรของเราก็นำมาต่อยอดพัฒนาให้เป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ ‘ไลฟ์’ เราเป็นผู้รับความเสี่ยง ถ้าทำแล้ว

ไม่ประสบความสำเร็จเราเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ถ้าทำแล้วประสบความสำเร็จ เราก็จะมีเงินหมุนเวียนให้

นักวิจัยงานอื่นๆ ต่อไป


"นอกจากนี้ องค์กร ANC ยังได้สนับสนุนงานวิจัยผลิตภัณฑ์รักษาสิวจากเปลือกมังคุดสูตร GM1 จนพัฒนามาเป็นยี่ห้อ การ์ซีเนียและผลิตภัณฑ์สารสกัดจากส้มแขก สูตรซูเปอร์ไฮ-โซล ยี่ห้อโกลด์เชพวิวัฒนาการล่าสุดของโลก ที่สามารถลดไขมันส่วนเกินของร่างกาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน ที่คณะกรรมการอาหารและยาของอเมริกา อนุญาตให้นำเข้าและจัดจำหน่ายได้อย่างเสรีในอเมริกา นอกเหนือจากนี้เรายังสนุบสนุนงานวิจัยของสมุนไพรไทยอีกหลายตัว เช่น สมุนไพรป้องกันผมร่วงซึ่งได้รับ

การพัฒนาจากสถาบันพฤกษศาสตร์คุนหมิง ภายใต้ยี่ห้อแฮรี่ โกลว์


"คุณหญิงสนับสนุนงานด้านนี้ของผมมาก คอยให้กำลังใจดูแลการทำงานของผมเสมอ แม้แต่

งานที่ล็อกซเลย์ซึ่งเป็นบริษัทค้าข้ามชาติ ที่ผมดูแลการติดต่อประสานงานระหว่างประเทศอยู่ คุณหญิง

ก็ไม่ได้ละเลย แต่เธอไม่ได้เข้ามายุ่งนะครับ เพียงแต่คอยรังฟังปัญหาและให้คำปรึกษาบ้างเป็นบางครั้ง เธอเป็นเพื่อนตายของผม”

ท้ายสุด ดร.ชิงชัยให้คำจำกัดความคำว่า เพื่อนตายไว้ว่า


“เพื่อนตายสำหรับผม แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อนที่ตายพร้อมกัน เพื่อนตายในความหมายของผม คือ เป็นเพื่อนคู่คิด เป็นเพื่อนที่มาเป็นส่วนประกอบชีวิตบางส่วนของเราซึ่งขาดไปให้สมบูรณ์ขึ้น ถ้าจะพูดว่าคุณหญิงเป็นเพื่อนตายของผม มันก็เต็มรูปแบบที่สุด


ทั้งๆ ที่ความจริงคุณหญิงเป็นมากกว่านั้น ”

 

จาก: นิตยสาร คู่สร้างคู่สม ปีที่ 23 ฉบับที่ 412 ปักษ์หลังกุมภาพันธ์ 2545


ดู 6 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page