top of page

ผัดวันประกันพรุ่ง


Image by rihaij



พรุ่งนี้...พรุ่งนี้...และพรุ่งนี้-

 

ขอสารภาพประจานตัวเองเสียเลยว่าข้าพเจ้าเป็น 'โรคผัดวันประกันพรุ่ง' เห็นอาการสดๆ ร้อนๆ ได้ตรงนี้ วินาทีนี้ ที่กำลังเริ่มเขียนประโยคแรกของบทความที่กำลังจะผ่านเส้นตายท้ายสุดที่จะส่งบรรณาธิการ Wisdom

 

วัน ๆ ที่ผ่านมา พอเปิดคอมพิวเตอร์จะลงมือเขียน เอ๊ะ...ไหงแว็บไปเคาะแอ๊ป airbnb หาที่พักสำหรับการเดินทางที่มีกำหนดอีกตั้ง 4-5 เดือน คลิกกูเกิ้ลค้นความรู้เรื่องจิตเวช เข้าเว็บอ่านข่าวประธานาธิบดีทรัมพ์ คลิกบีบีซีฟู๊ดด็อทคอมหาตำราทำไอริซสตูว์ เรียกว่าทำสารพัดอย่างที่ไม่มีความจำเป็นใด ๆ กับชีวิตเฉพาะหน้า

 

โรคผัดวันประกันพรุ่งไม่ใช่โรคเกิดใหม่แต่แพร่กระจายในมวลมนุษย์มานานนมเน ภาษาอังกฤษมีคำว่า 'procrastinate' มาจากรากศัพท์ภาษาลาตินโบร่ำโบราณซึ่งประกอบด้วย pro -ไปข้างหน้า และ crastinus-เป็นของพรุ่งนี้ ...พรุ่งนี้..พรุ่งนี้... อย่างที่คนไทยโบราณว่า 'หลายเมื่อเชื่อวัน' นั่นแหละ

 

ด้วยความสงสัยข้าพเจ้าก็ค้นในใจตัวเองซิว่า อะไรเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้สิ่งที่ควรทำวันนี้กลายเป็นเรื่องของพรุ่งนี้ เรื่องของเดี๋ยวนี้ ให้เป็นเดี๋ยวก่อน (ข้อแก้ตัวเกร่อ ๆ ว่างานยุ่งไม่นับเป็นประเด็น) พบว่าตัวการระดับรากเหง้าคือ ความอยาก-ไม่อยาก ความกลัว อยากที่จะทำสิ่งที่ต้องการ จะทำเพราะมันให้ความสุขอันฉับพลัน (instant gratification) ...ไม่อยากที่จะลงมือทำสิ่งที่ตัวเองรู้สึกว่ายากกว่า ใช้เวลาและความพยายามมากกว่า... กลัวว่าจะทำได้ไม่ดีพอ

 

เดิมทีตั้งใจจะเขียนเรื่องอื่นที่คิดไว้ แต่ไหนๆ สารภาพไปแล้วก็เขียนเรื่องโรคประจำตัวโรคนี้ไปเสียเลย จึง

กูเกิ้ลเพื่อค้นหาพรรคพวกที่เป็นนักผัดวันประกันพรุ่งด้วยกัน ซึ่งน่าจะมีบ้างน่ะในโลกนี้ นึกพลางเคาะคำว่า procrastinators เข้าไปในซาฟารี แม่เจ้าโวย...โผล่ขึ้นมาเยอะแยะไม่จะเป็นในเว๊บในบล๊อก ในยูทูป ให้ได้เถลไถลเข้าไปอ่านเข้าไปฟังอย่างเพลิดเพลิน สรุปแล้วก็ไม่ลงมือเขียนสักที จนกระทั่งสติสะกิดเตือนให้สะดุ้งใจว่าบรรณาธิการรออยู่นะ สะดุ้งแล้วแต่ก็ยังเดินไปเปิดตู้เย็น... เฮ้อ...

 

ในเท็ดทอล์คมีบล๊อกเกอร์หนุ่มชื่อดังชื่อ Tim Urban ที่ได้มองเข้าไปวินิจฉัยโรคนี้ในตัวของตัวเองอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แล้วเอามาพูดในหัวข้อ "Inside the Mind of a Master Procrastinator" "ข้างในสมองคิดของนักผัดวันประกันพรุ่งระดับอ๋อง"

 

เมื่อเปิดเรื่องด้วยการสารภาพว่าตนเป็นนักผัดวันประกันพรุ่งระดับอ๋องแล้ว เขาก็วิเคราะห์สมองคิดของ

นักผัดฯมืออาชีพอย่างตัวเขา(และข้าพเจ้า)ว่า ถึงแม้เราจะมีส่วนที่เป็น Rational Decision Maker คือสติที่รับผิดชอบวางแผนเป็นและมีความพร้อมที่จะลงมือทำงานตามกำหนด แต่เราก็มีอีกส่วนที่คนที่เป็นนักผัดฯ เขาเรียกส่วนนี้ว่า Gratification Monkey หรือลิงแห่งความสุขสมใจแบบฉับพลัน ลิงตัวนี้เสพติดความง่ายกับความสนุก มันว่องไวมากในการช่วงชิงอำนาจควบคุมจากสติ ทำให้นักผัดวันประกันพรุ่ง

ผัดแล้วผัดอีก ผัดไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่รู้สึกผิดกังวลโทษตัวเอง เรียกว่ามีทุกข์ซ้อนอยู่กับความสุขสมแบบ

ฉับพลันอย่างแยกกันไม่ออก

 

ทว่านักผัดฯมักจะมีตัวช่วยให้รอดพ้นจากการตายอย่างเขียดเมื่อถึงเส้นตาย Tim Urban เรียกมันว่า Panic Monster ปีศาจแห่งความกลัวแบบลนลานเมื่อเจ้าปีศาจตัวนี้โผล่พลวดขึ้นมา อัตตาจะถูกกระทบอย่างแรงด้วยความกลัว กลัวที่จะอับอายขายหน้า กลัวที่จะสอบตก กลัวที่จะถูกไล่ออกจากงาน กลัวความหายนะที่จะอุบัติถ้าผ่านกำหนดเส้นตายเมื่อใด เจ้าปีศาจตัวนี้ก็จะโหมไฟลนก้นนักผัดฯ ให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนเสร็จทว่า...เสร็จอย่างลุกลี้ลุกลนผลงานไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น... แต่ก็เสร็จ

 

เมื่อTim Urban ตัดสินใจเปิดบล๊อกว่าด้วยเรื่องปัญหาที่มาจากการผัดวันประกันพรุ่ง ก็มีแฟนๆ ที่เป็น

นักผัดฯ เข้ามาติดตามมากมาย แม้แฟนๆ จำนวนหนึ่งที่เขียนเข้ามาจะคุยอย่างสนุกสนานขันขำ แต่มีจำนวนมากกว่านั้นที่เขียนเล่าถึงนานาปัญหาที่หนักอึ้ง คนเหล่านี้ชีวิตล่มสลาย มีทั้งที่พลาดโอกาสสำคัญๆในชีวิต ทั้งที่สูญเสียใหญ่หลวงด้านการงานบ้าง ความรักความสัมพันธ์บ้าง

 

ทั้งนี้ก็เพราะการผัดวันประกันพรุ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ประเภทหนึ่ง ที่มีเกณฑ์กำหนดเวลาที่เป็นเส้นตาย อีกประเภทหนึ่งไม่มีเส้นตาย ประเภทมีเส้นตายนั้นมักไม่ถึงกับเลวร้าย เพราะเมื่อจะถึงเส้นตายเจ้าปีศาจPanic Monster ก็กระโดดเข้ามาช่วยผลักช่วยเขย่าประสาทให้เริ่มลงมือ แต่การผัดวันประกันพรุ่งในสถานการณ์ที่ไม่มีเส้นตายนั้น ไม่มีกรอบเวลาเข้ามาบังคับให้ต้องทำ เช่น การเริ่มอาชีพการงานสักอย่างของตัวเอง ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรจะเคลื่อนไปข้างหน้า หรือการจะคบใคร รักใครแต่ผัดวันประกันพรุ่งที่จะกระชับความสัมพันธ์ ก็มีสิทธิ์จะอกหักผิดหวัง

 

ข้าพเจ้าเองก็ได้เคยรับฟังเรื่องราวความเสียใจของใครต่อใคร ที่ความตายของพ่อแม่ย่ายายทำให้หมดโอกาสที่จะทำโน่นนี่อย่างที่เคยคิดอยากจะทำ ทั้งนี้ก็เพราะผัดวันประกันพรุ่งด้วยเชื่อว่า "ยังมีเวลา" 

พ่อหม้ายคนหนึ่งเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เขาเสียใจที่ไม่ได้พูดอย่างเปิดใจกับภรรยาที่ป่วยหนัก เขาเสียดายอย่างสุดหัวใจที่ไม่ได้แลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึกต่างๆ ในช่วงท้ายของชีวิตที่ร่วมกันมาหลายสิบปี เพียงเพราะกลัวที่จะเอ่ยความตาย ที่ทั้งเขาและเธอรู้ดีว่ากำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา เขาผัดวันประกันพรุ่งจนเธอตายจากไป เขาบอกข้าพเจ้าว่าเป็นเรื่องเดียวที่รู้สึกเสียดายจนทุกวันนี้

 

ในฐานะที่ยังไม่สามารถก้าวข้ามความเป็นนักผัดวันประกันพรุ่งในเรื่องงานเขียนของตัวเองได้ ข้าพเจ้าจึง

มิบังอาจแนะนำใดๆ ในเรื่องนี้ แต่จะขอปิดท้ายด้วยคำพูดของSteven Pressfield ที่ว่า

 

"อย่าลืมนะว่าวินาทีนี้เป็นช่วงขณะที่เราเปลี่ยนชีวิตของเราได้ ไม่มีเคยมีวินาทีใดและจะไม่มีวินาทีใด ที่เราจะไร้อำนาจที่จะปรับเปลี่ยนทิศของชะตาชีวิตเรา"



 

 

ดู 6 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ที่คล้ายกัน

ดูทั้งหมด
bottom of page