top of page

ขอบฟ้าของแก้วตา

บทละคร โดยคุณหญิงจำนงศรี รัตนิน



ภาพประกอบโดย กัญจนา ดำโสภี


ตัวละคร


พิภพ -เจ้าหน้าที่ธนาคารระดับบริหาร วัย 46

ทิพยา -อาจารย์มหาวิทยาลัย ภรรยาพิภพ วัย 42

กลอยใจ -เด็กสาววัยเรียนมหาวิทยาลัย คล่องแคล่ว วัย 21

แก้วตา -เด็กหญิงวัยรุ่น พิการทางปัญญา วัย 18

ปิ่น -แม่บ้านครอบครัวพิภพ

นิด -อาจารย์มหาวิทยาลัย เพื่อนรุ่นพี่ทิพยา

ชลิต(โต้ง) -ชายหนุ่มปัญญาอ่อน ช่วยตัวเองเกือบไม่ได้

กฤช -ครูพิเศษโรงเรียนสอนคนพิการทางปัญญา ท่าทางใจดี

ศิรา -เด็กหนุ่ม

สาวิตรี -เด็กหญิงวัยรุ่น

ครูชาย

เด็กปัญญาอ่อนหญิง 2-3 คน

เด็กปัญญาอ่อนชาย 2-3 คน

แพทย์คนที่ 1

แพทย์คนที่ 2

พยาบาลคนที่ 1

พยาบาลคนที่ 2


ฉากที่ 1


ห้องพักคอยแพทย์ ในคลินิกจิตเวชเด็ก


นิดจูงชลิตเข้ามา พยาบาลเข้ามาจากด้านตรงข้าม นิดวัยสี่สิบเศษ แต่งตัวดี ท่าทางเป็นคนใจไม่สงบ พูดจาเร็วปร๋อ ชลิตวัย 15-16 ตัวสูง ปัญญาอ่อนระดับรุนแรง แม่ต้องรั้งให้เดินตาม


พยาบาล คอยนิดนะคะอาจารย์(ช่วยจัดชลิตนั่งบนเก้าอี้) โต้งเป็นไงบ้าง ไม่เห็นเสียนาน

โตเป็นหนุ่มเชียว

นิด คุณหมอจะอีกนานไหม หนู

พยาบาล เสร็จรายนี้แล้ว ต้องเขียนรายงานด่วนฉบับหนึ่ง แล้วขึ้นไปดูคนไข้ข้างบนนิดหนึ่ง

(ทำท่าประจบโต้ง) คอยไหวมั้ยโต้ง

นิด โต้งน่ะไหว ฉันจะไหวมั้ยไม่รู้


ทิพยาเดินออกมาจากห้องตรวจ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งหยุดร้องไห้มาไม่นาน


พยาบาล เสร็จแล้วหรือคะ

นิด อ้าว ทิพยา มาทำอะไรที่นี่

ทิพยา (แปลกใจ) อาจารย์นิด เอ้อ...(มองจากแม่ไปที่ลูกแล้วกลับไปที่แม่)

นิด (วางตัวไม่ถูก เขิน) ลูกฉันเอง โต้ง น้องยายป้อม (หันไปอธิบายกับพยาบาล)

สอนคณะเดียวกัน ไม่นึกว่าจะมาเจอที่นี่

พยาบาล หนูไปดูคุณหมอหน่อยนะคะ (เดินออกไป)

ทิพยา ไม่เคยทราบ...เอ้อ นึกว่าอาจารย์มีแค่ป้อม กับเปี๊ยก

นิด (พูดพลางเปิดกระเป๋า เอาถุงพลาสติกถุงเล็กออกมาเปิด หยิบผ้าเช็ดน้ำลายโต้ง

ท่าทางรำคาญเขิน แต่แฝงความอ่อนโยน) ไม่อยากให้ใครรู้ รู้ก็พูดกันไป พาออกไป

ไหน ก็มองกันยังกับไม่ใช่คน


ทิพยาอึ้งมองพูดไม่ออก นิดเหลือบตามอง แล้ววุ่นวายกับโต้งต่อ


นิด แม่ฉันก็ว่าชื่อเล่นเค้าไม่ขึ้นด้วย ป อย่างพี่ๆ ถึงได้เป็นอย่างนี้ ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวตรง

ไหน (เก็บผ้าเช็ดหน้า ปิดกระเป๋า) ทิพยาล่ะลูกเป็นอย่างนี้รึ

ทิพยา (น้ำตาไหลพราก) ค่ะคนเล็ก แกชักสมองขาดออกซิเจน

นิด (นึกออก) เอ๊ะ เมื่อปีก่อนใช่มั้ย ที่โทร.มาบอกให้ฉันดำเนินการอภิปรายแทน นี่กี่ขวบ

แล้วล่ะ

ทิพยา จะสี่แล้วค่ะ (เริ่มร้องไห้อีก) แกเฉย ไม่พูด ไม่เล่น ไม่ยิ้ม...มีแต่ร้องไห้ นานๆ ที แล้วก็

โยกตัว บางทีแกโยกตัวเป็นชั่วโมงๆ (สะอื้นฮัก ๆ)

นิด (พูดสวน) แต่ก็เป็นคน ฉันก็เคยร้องไห้อย่างเธอนี่แหละ ร้องจนเดี๋ยวนี้ร้องไห้ไม่เป็น

แล้ว โต้งอย่า (ดึงมือโต้งที่โต้งยัดเข้าไปเคี้ยวออกจากปาก เปิดกระเป๋าหยิบถุง

พลาสติกถุงเล็กดึงผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดมือเช็ดปากและคางให้) ชื่ออะไรลูกเธอ

น่ะ

ทิพยา แก้วตา ค่ะ

นิด ยายคนโตชื่อ กลอยใจ ใช่ไหม อายุเท่าไหร่

ทิพยา เจ็ดขวบค่ะ

นิด กลอยใจ แก้วตา น่าเอ็นดู ขึ้นด้วย ก. เหมือนพี่ ก็ยังเป็นนี่ ฉันจะได้บอกแม่ให้เลิกบ่น

ซะที


ทิพยาอดหัวเราะไม่ได้ หัวเราะทั้งน้ำตา นิดมองแล้วยิ้ม


ทิพยา อาจารย์พาแกมาหาหมอบ่อยหรือคะ


โต้งเริ่มโยกตัวช้าๆ ค่อยๆ งอเข่าขึ้นกอด โยกตัวคล้ายม้าโยก แต่ช้ามาก


นิด ไม่หรอก พักนี้เขา...เขาไม่...ไม่ค่อยปกติ โต้งอย่าโยก (พูดพลางจับตัวโต้งให้หยุด

โยก ปลดมือออกจากเข่าจับให้นั่งตรงๆ)

ทิพยา เอ้อ...แล้วอาจารย์ฝึกแกบ้างหรือเปล่าคะ ต้องฝึกตั้งแต่เล็กใช่ไหมคะ

นิด ฝึก ก็ส่งไปโรงเรียนน่ะ...เราเองจะเอาเวลาที่ไหน ลูกอีกตั้งสองล่ะ

ทิพยา ไปโรงเรียนจนเดี๋ยวนี้หรือคะ

นิด โอ้ย ไปอยู่ปีกว่าๆ มั้ง รับส่งไม่ไหว สมัยนั้นโรงเรียนเค้าไม่มีรถรับรถส่ง


โต้งขยับตัว หยุดโยกตัว


นิด โต้ง เปียกหมดแล้ว กางกุ้งกางเกง (เปิดกระเป๋า หยิบถุงพลาสติก ถุงใหญ่กว่าถุงแรก

เปิดถุงพลาสติก ควักผ้าผืนใหญ่กว่าผืนแรกออกมา จับโต้งยืนขึ้นเพื่อซับเก้าอี้)


โต้งเริ่มวิ่งไปมา ส่งเสียงร้องพยาบาลวิ่งออกมาช่วยนิดจับตัวไว้


นิด เป็นอะไรลูก เจ็บที่ไหน บอกแม่ซิไหนเจ็บไหม


โต้งชี้ที่ท้อง ทำเสียงดังไม่เป็นภาษา


พยาบาล อ๋อ ปวดท้องหรือโต้ง

นิด ใช่พักนี้เป็นบ่อย สองสามวันแล้ว

พยาบาล (จูงโต้งเดินออกไปทางห้องหมอ โต้งหันดูนิดเหมือนไม่อยากไป) มาโต้งมาให้หมอดู

หน่อยนะจ๊ะ

นิด (เช็ดเก้าอี้และพื้นที่โต้งทำเปียก แล้วเก็บเข้าถุงพลาสติก ใส่กระเป๋าถือขณะที่พูดไป

เรื่อยๆ พูดจบก็ทำเสร็จพอดี) เมื่อเล็กๆ ร้อง กรี๊ดๆ เป็นชั่วโมง คลั่งกันทั้งบ้าน เดี๋ยว

นี้ยังพอชี้ให้รู้ว่าเจ็บที่ไหน ไอ้เรื่องทำเปียกอย่างนี้ก็ไม่บ่อยหรอก วันนี้คง เอ็กไซท์


ทิพยารู้สึกเหมือนกำลังเห็นภาพที่น่าหวาดกลัว ตัวแข็ง เกร็ง พูดไม่ออก ยกมือปิดปากสะอื้นฮัก

นิดเหลือบมอง ตัดสินใจพูด พูดช้าและเรียบกว่าปกตินิสัย เหมือนพยายามค้นหาคำพูด

ทิพยามองนิดเหมือนคนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะพูดนิดไม่มองทิพยา


นิด เมื่อเค้าเล็กๆ ฉันเคยอุ้มเค้าขึ้นไป จะโดดจากหน้าต่างตึกชั้นห้าตายพร้อมเค้า จะได้

หมดเรื่องกันไป แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ได้โดด ปีต่อมาพ่อเค้าก็ตาย ป้อมกับเปี๊ยกยังไม่ขึ้น

มัธยมเลยตอนนั้น

ทิพยา หนูไม่เคยทราบเลย

นิด เธอก็เห็นฉันเหมือนคนอื่นๆ เห็นนั่นล่ะ มาคณะก็สักแต่ว่าสอน งานวิชาการไม่สน

เซ็นชื่อแล้วก็แว้บ พูดจาไม่เข้าหูมนุษย์ (หัวเราะ พูดเร็ว กริยาท่าทางกลับเป็น

เหมือนแต่แรก) ก็อย่างงั้นจริงๆ ลำพังเงินเดือน ฉันจะเลี้ยงลูกสามกับแม่อีกคนยังไง

ไหว ต้องไปรับจ้างเขาทำ...ช่างมันเถอะ (เดินเข้ามามองหน้าทิพยา) เธอเป็นคนเก่ง

(พยักหน้ากับพยาบาลซึ่งเดินเข้ามา เดินไปคว้ากระเป๋า มาหยุดพูดกับทิพยาก่อนที่

จะออกไป) เธอต้องเข้มแข็ง ช่วยลูกเธอให้ดีกว่าที่ฉันทำ


นิดออกไป ทิพยาจ้องมองราวกับนิดยังยืนอยู่ตรงนั้น


ฉากที่ 2


บ้านพิภพ


พิภพชงกาแฟยกขึ้นดื่ม แก้วตาวัย 6 ขวบนั่งบนตักทิพยาซึ่งถือหนังสือภาพเล่มใหญ่กางให้แก้วตาดู รอบตัว และบนพื้นมีของเล่น ตุ๊กตา หนังสือ


ทิพยา (ชี้รูปในหนังสือ) หมา หมาตัวโต เห่ายังไง เห่า โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง

(พลิกหน้า) แมว แมวเหมียว ร้อง เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว

(พลิกกลับ) นี่อะไร อะไรคะ หมา หมาเห่า โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง

(พลิกหน้า) นี่อะไร อะไรเอ่ย แมว ไง แมว...

พิภพ (มองทิพยา รินน้ำใส่แก้ว) พอทีดีมั้ย ไม่รู้จักเหนื่อยกันบ้างหรือ (ยื่นแก้วน้ำให้) เอา

จ้ะ คุณแม่คนเก่ง ดื่มน้ำเย็นๆ แก้คอแห้ง ไอ้หมาแมวในเล่มนั้นคอแห้งตายกันหมด

แล้ว (หยิบหนังสือประเภทตำราขึ้นดู) นี่เล่มใหม่นี่ "Training Your Special

Child"

ทิพยา ขอบคุณค่ะ (ดื่มน้ำแล้วส่งถ้วยแก้วคืน พลิกหน้าหนังสือ ชี้ภาพ) นี่ นี่แก้วตา นี่ อะไร

คะ นก นกบิน สูง สูง มันร้อง...

พิภพ (ขัดให้หยุด) พอ พอที วันนี้เราสัญญากลอยใจ จะพาไปดูหนังไง รอบห้าโมง มีเวลา

อีกหน่อย


พิภพยื่นหน้าเข้าชิดใบหน้าทิพยา


ทิพยา (เบี่ยงหนี) อย่านะ ไม่อายแก้วตาบ้างหรือไง

พิภพ ไม่อาย แก้วตาจะรู้อะไร

ทิพยา แหม คุณก็...

พิภพ (ถอนใจ) ทิพยารู้ไหม ตั้งแต่แก้วตาเป็นอย่างนี้ เราสองคนไม่ได้ไปไหนด้วยกันมา

นานเท่าไรแล้ว หาเรื่องไปไหนกันสักสองสามวันดีไหม เผื่อจะได้ลูกอีกสักคน

ทิพยา โธ่ พิภพ แค่นี้ก็...

พิภพ แค่นี้ก็จะแย่แล้ว เรามันคนกินเงินเดือนกันทั้งคู่

ทิพยา นั่นนะซี ไม่เลือกแต่งกับลูกสาวเจ้าสัว

พิภพ มาแต่งกับอาจารย์คนเก่ง (ทำเจ้าชู้) และสวย

ทิพยา (หัวเราะ แล้วหันไปชี้รูปให้แก้วตาดู) ดูนี่ตัวอะไรเอ่ย

พิภพ ไม่ ไม่ แก้วตาเหนื่อยแล้วใช่มะ ใช่มะ


พิภพจิ้มพุงแก้วตา แก้วตานิ่งมองอย่างอื่น พิภพกับทิพยามองหน้ากันนิ่งงัน พิภพเอื้อมมือจิ้มพุงแก้วตาอีกครั้ง แก้วตานิ่งเฉย ทิพยาถอนใจ พิภพขยับจะลุกแต่เปลี่ยนใจ


พิภพ แก้วตาเหนื่อยแล้วใช่มั้ย ใช่มะ (หัวเราะจิ้มพุงแก้วตา) ใช่ไหม


แก้วตาหัวเราะ ยื่นมือมาจิ้มอกพ่อสองครั้ง พิภพกับทิพยามองหน้ากันดีใจจนพูดไม่ออก เสียงโทรศัพท์ดัง พิภพเดินออกไปรับ ทิพยานั่งอยู่กับแก้วตาดูรูปต่อ


เสียงพิภพ (ดังเข้ามาให้ได้ยิน) ครับ ผมพิภพพูด ทิพยาก็อยู่ครับ (เสียงบ่งความตกใจ) ระเบียง

ชั้นบน

ทิพยา นก นกบิน สูง สูง ร้องจิ๊บๆ

เสียงพิภพ (เสียงตกใจยิ่งขึ้น ทิพยาเงี่ยฟัง)...ป้อมก็ไม่อยู่หรือครับ...อ๋อ คนใช้ ให้เค้าดูโต้งไว้นะ

ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้

พิภพ (รีบเดินเข้ามา) อาจารย์นิดโทรมา ผมจะรีบเอาโต้งไปส่งโรงพยาบาล แกตกลงมา

จากบ้าน

ทิพยา (งง) แล้วตัวอาจารย์ล่ะ

พิภพ โทรมาจากโรงพยาบาล

ทิพยา อ้าว ทำไม

พิภพ มะเร็งกระเพาะ

ทิพยา (ตกใจ) โธ่ ที่คณะไม่รู้กันเลย เห็นว่าลาพัก ปิ่น...ปิ่น


ขณะที่พิภพกับทิพยากำลังโต้ตอบกัน แก้วตาจ้องมองภาพในหนังสือเอานิ้วจิ้มที่ภาพเริ่มพูดคนเดียว ไม่มีใครสังเกต พอทิพยาจะปิดหนังสือ แก้วตาเงยหน้ามองพ่อ หัวเราะแล้วพูดดังๆ แต่ออกเสียงไม่ชัด


แก้วตา (นิ้วจิ้มรูปในหนังสือ) นก นก จิ๊บ ๆ จิ๊บ ๆ


ปิ่นเข้ามา ยืนงง


ปิ่น แก้วตา! ว่าอะไรนะ

พิภพ แก้วตา...อะไรนะ บอกพ่อซี

แก้วตา นก นก นกจิ๊บ ๆ นกจิ๊บ ๆ


ทิพยาลุกขึ้นยืนอุ้มแก้วตา เอียงแก้มแนบหัวแก้วตา ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ พิภพจูบแก้มแก้วตา


พิภพ คนเก่งของพ่อ คนเก่ง...(หันรีหันขวาง) ผมรีบไปละ


พิภพออกไป


ทิพยา แก้วตา...โต้ง... (ส่งแก้วตาให้ปิ่น แล้วรีบตามพิภพออกไป)

พิภพ ฉันจะไปด้วย

แก้วตา นกบิน จิ๊บๆ จิ๊บๆ นกบิน บิน


ฉากที่ 3





ในความนึกคิด


เวทีมืด วันเวลาผ่านไปหลายปี แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงนี้ ไม่ขึ้นกับสถานที่หรือเวลาที่เป็นรูปธรรม


เวทีมืดสนิท ยกเว้นไฟที่ส่องเป็นกรอบกร้าวเหมือนกรงเหล็กตรงทิพยา เห็นทิพยาครึ่งตัว กรอบไฟให้ความรู้สึกอึดอัด


ทิพยา (พูดกับพิภพ สลับกับคนดู) พิภพคะ ฉันเลือกที่จะอยู่ในนี้ ฉันไม่ต้องการบิน...ในกรง

นี้ มีงานที่ฉันจะสานไม่มีวันเสร็จ คุณไม่ชื่นใจรึคะที่เราทำได้ถึงขั้นนี้ เราต่อสู้ด้วยกัน

มา 15 ปีกว่าแล้ว ตั้งแต่วันนั้น วันที่เราไปนั่งเฝ้าด้วยกันที่หน้าห้องฉุกเฉิน พิภพคะ

ฉันจะอยู่ในกรงนี้จนวันตาย (นิ่งนึกย้อนหลังพูดกับตัวเอง) จนวันตาย...ตาย ฉันไม่

ได้นึกถึงคำนี้มานาน ตาย...นิ่ง...จบสิ้น...ไม่รับรู้....หยุดสู้ (นิ่งคิด เหมือนมองภาพ

ความตาย เป็นภาพที่ตนไม่เคยได้มองมาก่อน) แปลกนะ ฉันไม่ได้คิดถึงความตาย

ตั้งแต่วันที่อาจารย์นิดตาย โต้งเข้าเฝือกขาหักทั้งสองข้าง นั่งโยกตัวมองเมรุเผาศพ

แม่ จะรู้เรื่องแค่ไหนไม่มีใครรู้...โต้ง....ตอนนั้นแกอายุ 19 แล้วซิ เท่าแก้วตาตอนนี้

พอดี...วันนั้นเป็นวันที่ฉันรู้ว่าฉันตายไม่ได้ คนหมดสิทธิ์ตายอย่างฉัน ไม่สนใจ

หรอกท้องฟ้าเหนือกิ่งไทรของคุณน่ะ แต่บางวันฉันก็เกือบลืมกลอยใจ


ไฟดับ เวทีมืดสนิท


ฉากที่ 4



เวลากลางคืน ในบ้านพิภพ ห้องเดิม มีเปียโนตั้งอยู่


กลอยใจอายุ 21 แต่งตัวค่อนข้างเปรี้ยวสะพายกระเป๋าแสดงว่าเพิ่งกลับเข้าบ้าน ทิพยาใส่เสื้ออยู่กับบ้านเหมือนกับจะเข้านอน ยืนประจันหน้ากัน กลอยใจกร้าว ทิพยาเป็นห่วง


กลอยใจ ใช่ซิคะ กลอยช่วยตัวเองได้

ทิพยา แต่นี่ตีสองแล้วนะจ๊ะ ลูกไม่ได้บอกไว้ก่อนว่าจะกลับดึกอย่างนี้ ลูกไปไหนมาจ๊ะ

กลอยใจ (เดินไปเล่นเปียโน กดโน้ตเพลงทำนองป๊อบเบาๆ ใช้มือเดียว พูดเสียงประชด)

กลอยเล่นเพลงใหม่บ้างได้ไหมคะ วันนี้

ทิพยา (ถอนใจ) ลูกอย่าหายไปดึกๆ อย่างนี้อีกนะจ๊ะ ถ้าจะไปก็บอกทางบ้านไว้ก่อน จะได้รู้

แล้วไม่ห่วงกันอย่างนี้

กลอยใจ แม่ห่วงกลอยด้วยรึคะ

ทิพยา ไม่ห่วงจะนั่งคอยอยู่อย่างนี้รึ

กลอยใจ ไม่ต้องห่วงก็ได้ค่ะ กลอยมีคาถาอยู่ยงคงกระพัน

ทิพยา (หัวเราะ เอาใจ) คาถาอะไรจ๊ะ

กลอยใจ คาถาว่า "ช่วยตัวเองก่อนนะลูก แม่ต้องช่วยน้อง" คาถาแม่ให้คุ้มภัยทุกประเภท

ทิพยา (หมดแรง) โธ่...ลูก

กลอยใจ กลอยจะไปดูพ่อหน่อยแล้วนอนละค่ะ ง่วงจัง


กลอยใจหาวนอนจะเดินออก พิภพสวนเข้ามา


พิภพ กลับมาแล้วรึ แม่ตัวดี (เดินเข้ามาหยิกแก้มกลอยใจ)

กลอยใจ (พูดเร็วปร๋อ ประจบประแจง) พ่อไม่ดุนะคะ กลอยขอโทษ (กราบที่อก) กลอยจะไม่

กลับดึกอย่างนี้อีก จริงๆ ค่ะ

พิภพ จริงรึ ให้เชื่อมั้ย

กลอยใจ โอ๊ย เอางี้ดีกว่าถ้ากลอยจะกลับเกินสี่ทุ่มกลอยจะบอกไว้ก่อน หรือไม่ก็โทรมาบอก

จะได้ไม่ห่วงดีไหมคะ เอ เอาห้าทุ่มดีกว่านะคะ

พิภพ (หัวเราะ) ย่ะ ย่ะ แม่ตัวดี เอาละไปไหนมา พอจะบอกกันบ้างได้ไหม

กลอยใจ บอกซิคะ บอก เที่ยวบินชนินทร์เข้าเมื่อเช้า เค้าก็เลยเลี้ยงฉลองปริญญาให้กลอย

เขาซื้อตุ้มหูมาฝาก (เอียงคอให้ดูภูมิใจในความสวยของตน) สวยไหมพ่อขา

พิภพ (เอ็นดู) มีของฝากเกือบทุกเที่ยวเชียวนะ เลี้ยงอะไรกันดึกนัก

กลอยใจ อ๋อ ไปต่อค่ะ ไปดริ๊งกันต่อที่ แบล๊กอิ้งค์ พ่ออย่าทำหน้ามุ่ยซิคะ นี่ครั้งแรกนะคะที่

กลอยไปนั่งดริ๊ง

พิภพ แล้วเป็นไงล่ะ

ทิพยา (ฟังพ่อลูกพูดกันอย่างงงๆ) ใครกันชนินทร์ คุณก็รู้จักด้วยหรือ

พิภพ เอ เขาเป็นผู้ช่วยนักบิน แฟนกลอยใจ เอ๊ะแฟนหรือว่าที่

กลอยใจ แหม พ่อ เอาว่าที่ก็แล้วกัน พ่อเห็นไหม เข็มขัดที่พ่อซื้อมาฝาก เพื่อน ๆ ชอบกัน

ใหญ่

พิภพ อ้าว ใส่ได้แล้วเหรอ ไหนเมื่อเช้าว่าใหญ่ไป

กลอยใจ เจาะรูอีกรูแล้วก็พอดี (หมุนตัว เอียงคอถามพ่อ) สวยไหมคะ ชนินทร์ชมว่าสวย

(นึกถึงแม่) แม่คะ นอนเถอะค่ะดึกมากแล้ว (สองพ่อลูกเดินออกไปกลอยใจฮัมเพลง)

พิภพ (หยุดหันมาเรียกทิพยา) พรุ่งนี้คุณมีสอนแต่เช้าไม่ใช่หรือ


พิภพออกไป


ทิพยาก้มเก็บหนังสือตำราที่วางคว่ำไว้


แก้วตาใส่เสื้อกางเกงนอน แต่คาดเข็มขัดใหญ่สีดินเผา เดินขยี้ตาเข้ามา ท่าทางงัวเงีย เธอรูปร่างค่อนข้างท้วม ไม่เปรียวเหมือนพี่สาว ผิวขาว หน้าตางดงามอ่อนหวาน อายุ 19 กิริยาท่าทางเหมือนคนปกติ เคลื่อนไหวค่อนข้างช้า ดูนุ่มนวล ไม่มีจริต


แก้วตา แม่ขา เสียงใครคุยกัน ดึกแล้วทำไมแม่ไม่นอนคะ

ทิพยา พี่กลอย เพิ่งกลับบ้านจ้ะ ก็เลยคุยกันกับพ่อแม่

แก้วตา พี่กลอยกลับดึกอย่างนี้คงเหนื่อยใช่ไหมคะ

ทิพยา คงไม่หรอกจ้ะ

แก้วตา (ไม่ฟัง) แก้วตาจะไปเอาน้ำเย็นให้พี่กลอย พี่กลอยเหนื่อยใช่ไหมคะ

ทิพยา (รั้งแก้วตาไว้) ไม่ต้องจ้ะแก้วตา พี่กลอยเขาไปนอนแล้ว

แก้วตา แก้วตาจะไปเอาน้ำเย็นให้แม่ แม่อ่านหนังสือดึกๆ แม่เหนื่อยใช่ไหมคะ

ทิพยา ไม่จ้ะ แม่ไม่หิวน้ำ นี่ทำไมแก้วตาคาดเข็มขัดนอนจ๊ะ

แก้วตา (เอามือลูบไล้เข็มขัด เอิบอิ่มในสัมผัส) พ่อให้แก้วตา

ทิพยา ใช่จ้ะ พ่อให้สำหรับแก้วตาใช้ตอนกลางวัน ให้แก้วตาดูสวยยังไงล่ะ (เอื้อมมือไปที่

หัวเข็มขัดเพื่อช่วยถอด) มาแม่ช่วยถอด คาดนอนก็อึดอัดแย่ซิ


แก้วตากดมือทิพยาที่หัวเข็มขัด เพื่อหยุดยั้งโดยไม่ขัดขืน


แก้วตา แก้วตาชอบ แก้วตาใส่เองด้วย ปิ่นไม่ได้ช่วยเลย (ภูมิใจ)

ทิพยา (ถอนใจ เอ็นดู) ตามใจ แม่กลัวลูกจะนอนไม่สบาย


แก้วตาเอามือลูบไล้ลำตัว เอว เข็มขัดและสะโพกตัวเองช้าๆ


แก้วตา แก้วตานอนสบาย พอตื่นขึ้นมาเข็มขัดมันก็อุ่นแล้วก็นุ่มเหมือนเนื้อแก้วตาเลย

ทิพยา (หัวเราะ โอบไหล่แก้วตา) ไป ไปนอนต่อได้แล้ว (แก้วตาไถลไปที่เปียโน) ไม่เอา ไม่

เอา ดึกแล้ว ใครๆ เค้านอนกันแล้ว

แก้วตา แก้วตาจะเล่นเบาๆ เพราะๆ กล่อมพ่อได้ไหมคะ

ทิพยา (โอบไหล่แก้วตาเดินออกจากเวที) ไม่เอา ดึกแล้ว


ฉากที่ 5



บ้านพิภพ


แก้วตาเล่นเปียโน ทิพยายืนอยู่ข้างๆ เพลงที่เล่นตอนนี้เป็นทำนองง่ายๆ เห็นได้ว่าแก้วตา พยายามดึง

ทิพยาไว้กับความสามารถของเธอ


แก้วตา (หยุดเล่น) แม่ชอบมั้ยคะ เพลงวันนี้

ทิพยา ชอบจ้ะ แต่มือซ้ายมันไม่ค่อยสนุก เลยสู้เพลงเมื่อวานไม่ได้

แก้วตา (พยายามนึก) เอ๊ะ เพลงเมื่อวานเป็นไงนะ วันนี้ก็มีแต่เพลงวันนี้ซิคะ

ทิพยา ก็เพลงที่แก้วตาเล่นให้พ่อฟังเมื่อวานไง

แก้วตา อ๋อ...อ...อ๋อ เพลงที่เล่นเมื่อวาน เพลงวันนี้ของเมื่อวาน เอ แต่แก้วตาจำไม่ได้แล้ว

อย่างนี้ใช่ไหมคะ


แก้วตาเล่นทำนองเดิม แต่มือซ้ายเพิ่มบทบาทขึ้นเรื่อยๆ ล้อทำนองมือขวา พิภพกลับจากทำงานถือกระเป๋าเอกสารเข้ามาเดินตรงไปชงกาแฟ เพลงแก้วตาเพิ่มชีวิตชีวาขึ้นทันที แต่เมื่อพ่อไม่สนใจก็หยุดเล่น ลุกขึ้นไปหา


แก้วตา พ่อเหนื่อยใช่ไหมคะ แก้วตาจะไปเอาน้ำเย็นมาให้นะคะ (เดินออกไป)

ทิพยา (ช่วยชงกาแฟ) เป็นไงบ้างคะ ที่แบงก์วันนี้

พิภพ ยุ่งหน่อย ใกล้สิ้นเดือน


แก้วตาถือแก้วน้ำเข้ามาส่งให้พิภพ มองพ่ออย่างใจจดใจจ่อ


พิภพ ขอบใจจ๊ะ พ่อขอดื่มกาแฟก่อนนะ แก้วตาทำอะไรที่โรงเรียนวันนี้

แก้วตา วันนี้ที่โรงเรียนเลิกทำรูปเรือใบแล้ว เขาให้ต่อรถไฟ แก้วตาอยู่แผนกติดสติ๊กเกอร์

รถไฟ พ่อขา

พิภพ อือ

แก้วตา วันนี้มีครูใหม่ วาดรูปเก่ง ปั้นก็เก่ง

ทิพยา ครูชื่ออะไรจ๊ะ

แก้วตา ครูเป็นผู้ชาย ชื่อ (หยุดคิด) กฤช

พิภพ ทิพยา อย่าลืมนะ งานเลี้ยงที่สำนักงานใหญ่วันเสาร์

ทิพยา (ซ่อนความเบื่อ) เอ ปิ่นว่าจะลาไปบ้าน คงต้องให้กลอยใจอยู่กับแก้วตา (ถอนใจ)

พิภพ งานใหญ่นะ ตำแหน่งอย่างเราต้องไปให้ผู้ใหญ่เห็นหน้าเห็นตา

แก้วตา (รอความสนใจพ่อจนทนไม่ไหว) พ่อขา

พิภพ อืม ว่าไง

แก้วตา วันนี้พ่อมีลูกค้ามาฝากเงินธนาคารเยอะไหมคะ

พิภพ ไม่ค่อยเยอะหรอกจ้ะ

แก้วตา (หน้าเสีย) งั้นพ่อจะผ่อนส่งเปียโนไม่ได้ใช่ไหมคะ (กังวล)

พิภพ ได้ซิ เดือนนี้ก็หมด (หงุดหงิดขึ้นมา) นี่ ทีนี้อย่ามาแอบฟังพ่อแม่คุยกันนะ ฟังรู้เรื่อง

มั่งไม่รู้เรื่องมั่ง แล้วมาพูดให้พ่อรำคาญ

ทิพยา (โอบไหล่แก้วตา) พิภพคะ

พิภพ (เครียด ลูบหัวแก้วตาซึ่งยืนน้ำตาคลอ แล้วเดินหนี) เอาเถอะๆ ผมยุ่งมาทั้งวัน


ทิพยาพาแก้วตามานั่งที่เปียโน


แก้วตา (พูดเหมือนเครื่องจักร) พ่อเหนื่อยหาเงินผ่อนส่งเปียโนใช่ไหมคะ

ทิพยา ไม่ใช่จ้ะ ไม่เกี่ยวกับเปียโนหรอก

แก้วตา (เหมือนเครื่องจักร) วันนี้ลูกค้าที่แบงก์ไม่เยอะ ใช่มั้ยคะ

ทิพยา จ้ะ (เหลือบมองพิภพซึ่งเดินออกจากเวทีด้วยความรำคาญ) แก้วตาอย่าพูดเรื่อง

ซ้ำๆ ซิจ๊ะ เล่นเปียโนดีกว่า


แก้วตามองตามพ่อจนลับตา เริ่มเล่นเพลงที่ทิพยาเรียกในใจว่า เพลง "พ่อขา" เป็นเพลงกระท่อนกระแท่น ไม่ต่อเนื่อง ไม่มีคอร์ด ให้ความรู้สึกงุนงง อกหักเกือบไม่เป็นทำนอง


ขณะเล่นแก้วตาเริ่มโยกตัวน้อยๆ แข็งๆ คล้ายโต้งแต่น้อยกว่ามาก รู้สึกโดดเดี่ยวไม่รับรู้สิ่งแวดล้อม


ทิพยา (รีบเข้ามากอดแน่น เขย่าเบาๆ) แก้วตา พ่อไปอาบน้ำเดี๋ยวมา แก้วตา เดี๋ยวพ่อมา


แก้วตาหยุดโยก ซุกในอ้อมกอดทิพยา คล้ายขอความเชื่อมั่น


แก้วตา (เหมือนเครื่องจักร) แก้วตาจะไม่พูดซ้ำซาก พ่อไม่ชอบคนพูดซ้ำซาก

ทิพยา จ้ะ จ้ะ แม่รู้ แม่รู้

แก้วตา แม่ขา แก้วตาอยากให้แม่เจอครูกฤช


กลอยใจเดินเข้ามาแต่งตัวเก๋


ทิพยา แหม ดูอารมณ์ดีจัง เรื่องงานว่าไง

กลอยใจ ข่าวดี แม่ สยามแอร์เรียกตัวแล้ววันจันทร์หน้า ดีใจไหมคะ


พิภพเข้ามา กลอยใจวิ่งไปหา


กลอยใจ พ่อขา สยามแอร์เรียกตัวแล้ว ดีใจมั้ยคะ ชนินทร์เชียร์ใหญ่

พิภพ (โอบไหล่) แจ๋ว แจ๋ว คนเก่งของพ่อ เอ แต่คงจะยิ่งไม่เห็นหน้าเห็นตาละซี

กลอยใจ ไม่ถึงยังงั้นหรอกค่ะ ได้บินมาหาพ่อที่ภูเก็ตบ่อย ๆ ไง

ทิพยา พ่อยังไม่แน่หรอกจ้ะเรื่องภูเก็ต แหม กลอยบินบ่อยๆ แม่คงเป็นห่วง

กลอยใจ แม่ไม่ดีใจรึคะ จะได้มีเวลาให้แก้วตาเต็มที่ (อวดแก้วตา พอใจที่ตนเหนือกว่า)

แก้วตาพี่จะได้บินรู้มั้ย

แก้วตา บินกับเครื่องบินหรือพี่กลอย

กลอยใจ จ้ะ จ้ะ

แก้วตา พ่อขา เครื่องบินกับนกใครจะบินสูงกว่ากันคะ

กลอยใจ พรุ่งนี้พี่ยืมเข็มขัดนะ ไม่เห็นแก้วตาใช้มันเลย

แก้วตา (งง) อะไร...

กลอยใจ (รำคาญ) ก็เข็มขัดที่พ่อให้

แก้วตา แก้วตาคาดนอนทุกคืนเลย

กลอยใจ ให้ใครดูล่ะ ปิ่นหรือ (หัวเราะ)

แก้วตา มันกอดเอวแก้วตาไว้ให้หลับสบาย

กลอยใจ ให้พี่ใส่ไปงานพรุ่งนี้นะ นะจ๊ะ

แก้วตา (ไม่สบายใจ) เอาไปไม่นาน ใช่มั๊ย

กลอยใจ (มองหน้าน้องพักหนึ่ง) เอ้า หวงนักก็ไม่เอา

ปิ่น (โผล่เข้ามา) ข้าวจะเสร็จแล้วค่ะ คุณทิพจะผัดผักเองใช่มั้ยคะ

พิภพ มา แก้วตามากินข้าว


ทิพยาออกไปกับปิ่น กลอยใจตามออกไป แก้วตาเดินตามกับพ่อ ตั้งคำถามที่ไม่มีใครสนใจจะตอบ


แก้วตา พ่อขา เครื่องบินกับนกใครจะบินสูงกว่ากันคะ


เวทีว่าง ไฟหรี่ แสดงให้เห็นว่าช่วงอาหารค่ำผ่านไป


ไฟสว่างขึ้นเมื่อทิพยากับพิภพเดินกลับเข้ามา ทิพยาชงกาแฟให้พิภพ


พิภพ (เสียงเข้ม) เรื่องย้ายไปภูเก็ตน่ะ เขาร่นเวลาเข้ามา ทางโน้นมีปัญหา

ทิพยา (เอากาแฟส่งให้ ไม่มองหน้า) ไม่เปลี่ยนใจรึคะ

พิภพ จันทร์หน้าผมต้องเดินทาง วันพุธจะรับงาน

ทิพยา (มองพิภพ แล้วเริ่มจัดข้าวจัดโน่นจัดนี่พรางความน้อยใจ) แล้วฉันกับลูกๆ ล่ะ

พิภพ (ตอบรับ) ก็ตามผมมา ถ้าคุณจะตามมา (นิ่งมองทิพยา) นี่คุณเรืองนี้เราพูดกันแล้ว

แค่กำหนดมันร่นเข้ามาเท่านั้นน่ะ บ้านนี้ก็ให้เช่า ทางโน้นแบงก์ก็เช่าบ้านให้ คุณจะ

เอาอะไรอีก

ทิพยา งานฉันล่ะ

พิภพ บอกแล้วไงให้ลาออก ภูเก็ตมันเมืองคนรวย คุณติวลูกเศรษฐีเอ็นมหาวิทยาลัยซิ

ไหนจะค่าเช่า ไหนจะเงินเดือนใหม่ผมอีก หมดกันทีหนี้สิน (เดินไปเดินมา) ผมยอม

คุณทุกที จนอายุปาเข้าสี่สิบหกเพิ่งจะได้เป็นผู้จัดการเขตกับเค้า (หัวเราะเยาะตัว

เอง)

ทิพยา แก้วตาล่ะจะเป็นยังไง คุณทราบมั้ยอาทิตย์ที่แล้ว แก้วตาติดสติ๊กเกอร์รถไฟได้วันละ

ร้อยกว่าขบวน รวมพันห้าสิบขบวน ลูกภูมิใจที่แกช่วยคุณหาเงินได้ คุณก็รู้ว่ามัน

สำคัญกับแกแค่ไหน

พิภพ แก้วตาไม่มีวันจะเป็นคนปกติมาได้ แค่นี้ใครๆ ก็ว่าเหลือเชื่อ ทิพยา พอกันทีกับ

(ประชด) ไอ้หนี้บาปของคุณนี่น่ะ

ทิพยา (หันขวับ) ไม่ใช่หนี้บาปของใครทั้งนั้น เรา 2 คน ทำให้แกเกิด ถ้าเราตายก่อนแก...

พิภพ (ตะโกนขัด โกรธ) ถ้า ถ้า

ทิพยา (พยายามคุมอารมณ์ เน้นคำว่า "ถ้า") ถ้าฉันลาออก แล้ววันหลังคุณเป็นอะไรไปล่ะ

แก้วตาภูมิใจที่แกทำงานได้ แกมีโลกของแก จะเอาแกไปอยู่ยังไง ไม่มีงาน ไม่มี

เพื่อน

พิภพ (กระชากเสียง) ก็วนกันอยู่แค่นี้

ทิพยา คุณไปเยี่ยมโต้งบ้างซิ ป้อมเค้าเก็บโต้งไว้ในห้องหลังบ้าน คุณไปดูกับตาบ้างซิ คุณ

รักแก้วตา คุณเคยรักแกมาก

พิภพ วันจันทร์ผมจะบินเที่ยวเย็น คุณคิดให้ดีก็แล้วกัน


เงียบงันกันครู่หนึ่ง อารมณ์พิภพเปลี่ยนเป็นเศร้า อ่อนโยน


พิภพ ทิพยาคุณเปลี่ยนไปมากนะ จำได้มั้ย เมื่อแต่งงานใหม่ๆ คุณเคยฉุดผมไปดูหนัง วัน

เดียวสามเรื่อง เอาซะผมตาลาย

ทิพยา (หัวเราะ) หรือคะ จำไม่ได้แล้ว จำได้แต่วันที่เราชวนกันไปฉลองตอนฉันท้องกลอย

ใจ คุณเลี้ยงข้าวฉันที่โรงแรมเอราวัณ มื้อนั้นเงินเดือนคุณหมดเกือบครึ่งเดือน พอ

กลับบ้านฉันก็แพ้ท้องอ้วกออกมาหมดเสียดายแทบตาย (หัวเราะ)

พิภพ (หัวเราะ) เอ้อแปลกนะ ผมจำไม่ยักได้


เงียบกันไปอีกครู่ พิภพลุกขึ้นจะเดินออก

พิภพ นั่นน่ะซี จะเอาอะไร ความหลังยังจำกันคนละเรื่อง


พิภพเดินออกเห็นแก้วตาที่ริมเวที แก้วตาในชุดกางเกงนอน เข้ามายืนง่วนอยู่กับการขัดเข็มขัด ใช้ความพยายามแล้วสมาธิอย่างยิ่งยวด พิภพหยุดมองด้วยความรู้สึกปนเปบอกไม่ถูก

พิภพ (อ่อนโยน เดินเข้าไปหา) มาพ่อทำให้


พิภพขัดเข็มขัดให้แก้วตา แก้วตาอบอุ่น มีความสุข


ฉากที่ 6




ห้องโรงงาน ในโรงเรียนสอนคนปัญญาอ่อนระดับ educable


แก้วตา สาวิตรี ศิระและคนอื่น ๆ นั่งโต๊ะยาว ติดสติ๊กเกอร์รถไฟพลาสติกสีต่างๆ อย่างตั้งอกตั้งใจ อีกโต๊ะหนึ่ง เด็กหนุ่มสาวปัญญาอ่อนที่ I.Q. ต่ำลงไป นั่งต่อรถไฟให้เป็นขบวนเพื่อส่งมาติดสติ๊กเกอร์ ภาพหน้าสัตว์ต่างๆ ที่ช่องหน้าต่างรถ ครูชายรับผิดชอบโต๊ะต่อรถไฟ กฤชดูแลโต๊ะติดสติ๊กเกอร์


สาวิตรี ทำหมดแล้วค่ะ ครู

ครูชาย (เทตู้รถไฟกองลงบนโต๊ะ) เอานี่อีกหกสิบตู้นะ ได้อีกสามสิบขบวน


ศิระวัยเดียวกับแก้วตา รูปร่างใหญ่ ท่าทางและวิธีพูดตุ้งติ้งคล้ายผู้หญิง ชี้นิ้วท้าวสะเอว คล้ายเลียนแบบสิ่งที่เห็นในโทรทัศน์ ศิระหงุดหงิดทำผิดๆ ถูกๆ ลุกขึ้นยืนเรียกกฤช

ศิระ ครูเวศน์ฮะ

กฤช ว่าไงล่ะ (เดินมามองงานของศิระ)


แก้วตาแอบชำเลืองมองตามกฤช สลับกับก้มหน้าทำงานให้เร็วที่สุด เรียบร้อย...แล้วหยุดนับขบวนรถไฟที่ติดสติ๊กเกอร์เสร็จเป็นพักๆ นั้น อย่างค่อนข้างซ้ำซาก


ศิระ สติ๊กเกอร์ชุดนี้กาวไม่ดี ไม่ได้ความเลย

กฤช ไหนดูซิ (ทดลอง) เอก็ดีนี่ ศิระว่ามันไม่ดียังไง

ศิระ (หงุดหงิด ไม่ทันใจ) แปะเบี้ยวหมดแล้วจะว่าดียังไง กาวมันเก่าน่ะ ของแก้วตากาวดี

กว่าเยอะ

แก้วตา ทำไมรู้ล่ะ (เงยขึ้นถามยิ้มๆ แล้วก้มหน้าทำงานต่อ นิ้วเธอคล่อง ท่าทางประณีต ช้า

กว่าคนปกติเพียงเล็กน้อย)

ศิระ (ลุกขึ้นยืนอีกเพื่อชะโงกมอง) ก็เห็นไหมล่ะ กาวดีออก แปะตรงเพะหมดเลย ครู

เวศน์ฮะขอสติ๊กเกอร์ดีๆ ให้ผมมั่งซิ

กฤช แก้วตา ขอแลกสติ๊กเกอร์ทั้งสามชุด อย่างละแผ่นนะ


แก้วตารีบเลือกส่งให้ ยิ้มแย้มอ่อนหวานเหมือนเคย กฤชส่งของศิระให้


กฤช เอาละ ศิระ ได้สติ๊กเกอร์กาวดี ๆ ของแก้วตาแล้วนะ เอาละ เล็งให้ตรงๆ ดูขอบ

นี่นะหน้าต่างรถไฟ...ช้าๆ ...อย่าแปะให้เลยขอบ แจ๋วตรงแล้ว เห็นไหมได้กาวดี

ศิระ ก็นั่นน่ะซี กาวดีจะตาย ไม่ตรงได้ยังไง

กฤช (หัวเราะ) เอ้าค่อย ๆ ทำ เดี๋ยวก็เร็วขึ้นเอง (หยิบของที่ศิระทำเสร็จไปก่อนแล้วมา

พิจารณา) เอ ก็ตรงนี่ (พูดกับศิระเหมือนเป็นเพื่อน) ถามจริงๆ เถอะ เมื่อกี๊กาวไม่ดี

หรืออารมณ์ไม่ดี

ศิระ กาวไม่ดี (เงียบ มองกฤชแล้วหัวเราะ) อารมณ์ก็ไม่ดีด้วย จะดีได้ไง

กฤช ทำไมล่ะ

ศิระ ก็แก้วตาเค้าไม่เชื่อว่าปิศาจปักกิ่งเข้าสิงแม่ครัวบ้านผม

แก้วตา เอ้าเชื่อก็ได้ เชื่อแล้ว

ศิระ (ยังงอน) คุยด้วยก็ไม่ตอบ เค้าว่าเค้าต้องติดสติ๊กเกอร์ให้ได้เยอะ ๆ

แก้วตา (เขิน) ก็เธอพูดมากน่ะ หนูหนวกหูค่ะครู

ศิระ (ไม่ลดละ) เค้าอยากได้ค่าแรงเยอะ ๆ ไปช่วยพ่อเค้าผ่อนเปียโน เขาคิดเพลงเก่ง

รู้ไหมครู

แก้วตา หนู...หนู...(มองกฤช หมดปัญญาจะอธิบาย) หนูหนวกหู

ครูชาย (จากอีกมุมห้อง) หยุดพัก ทุกคนนับรถไฟได้เท่าไรจดไว้บนแผ่นงาน เดี๋ยวครูจะมา

ตรวจ (ดูให้เด็กปฏิบัติตาม) แล้วออกไปกินขนมได้ พักผ่อนที่ห้องกลางนะ


ทุกคนนับชิ้นงาน เร็วบ้าง ช้าบ้าง จด เห็นชัดว่าแก้วตาทำได้ดีกว่าคนอื่นๆ ตัวละครทยอยออกจากเวที เหลือครูชายกับกฤช ตรวจงานกันคนละด้าน แก้วตาคอยแอบชำเลืองดูกฤช ไม่อยากออกไปจากห้อง อยู่ข้างนอกครู่เดียวก็กลับเข้ามา


กฤช อ้าว ไม่กินขนมรึ

แก้วตา ไม่อยากกินค่ะ พ่อบอกว่าหนูอ้วน (หยุดแล้วพูดเหมือนปลอบตัวเอง) แม่บอกหนูไม่

อ้วน

กฤช แล้วเชื่อใครล่ะ

แก้วตา (ลังเล ตอบไม่ถูก) หนูเชื่อทั้ง 2 คน ได้ไหมคะ (กฤชหัวเราะ) พ่อชอบคุยกับพี่กลอย

พี่กลอยสวย ผอม แล้วแฟนพี่กลอยก็ขับเครื่องบินได้ พี่ชนินทร์เค้าก็คุยแต่กับพี่

กลอย

กฤช แก้วตาก็คุยกับ คุณพ่อคุณแม่ซี

กลอยใจ บางทีพ่อรำคาญหนู เพราะหนูฟังพ่อแม่คุยกันรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง (พูดซ้ำแบบคน

ปัญญาพิการ) พ่อว่าหนูอ้วนไป แต่พ่อให้เข็มขัดหนูก็คาดได้

ศิระ (เข้ามายืนฟัง) ไม่อ้วนหรอก อย่างนี้กำลังดี อย่างสาวิตรีสิ (ทำสุ้มเสียงขนลุกขน

พอง) ปิศาจกุ้งแห้งยืดตัว (มองแก้วตาเหมือนกรรมการตัดสินนางงาม) อย่างแก้วตา

นี่ผมว่ากำลังดีนะครู หน้าก็สวย จริงไหม


แก้วตาคอยคำตอบอย่างจดจ่อจนแทบลืมหายใจ


กฤช (พยายามหาทางออกที่เหมาะสม) ไม่อ้วนหรอก คุณพ่อคงล้อเล่นน่ะ

ศิระ เมื่อไหร่เลิกทำ ไอ้กิ้งกือ กิ้งกือ กิ้งกือ เนี่ย (ใช้นิ้วจี้ขบวนรถไฟทีละขบวน ทำหน้า

ขยะแขยง)

กฤช ทำไมล่ะ เบื่อแล้วหรือรถไฟ

ศิระ ไม่เบื่อ แต่ทำไมเอาหมาจิ้งจอก สิงห์โต ยีราฟ มาติด พวกนี้มันนั่งรถไฟกันได้หรือ

ฮะ

กฤช ก็นี่มันของเล่นเด็ก

ศิระ อ๋อ ไว้หลอกเด็กใช่มั้ย

กฤช เอาเถอะ ไปกินขนมเถอะไป


ศิระเดินออกไป


กฤช (พูดไล่หลัง) อาทิตย์หน้า เขาก็จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแล้ว

แก้วตา หรือคะ ดีจัง

กฤช อ้าว แก้วตาไม่ชอบรถไฟรึ

แก้วตา ไม่ใช่ค่ะ หนูชอบนั่งรถไฟไปเยี่ยมคุณยายที่แพร่ (นิ่งไป) พ่อบอกว่ารถไฟมันต้องมี

ราง รางมันต้องเป็นเหล็ก รถไฟมันน่าสงสารมั้ยคะ

กฤช (สนใจ) ทำไมล่ะ

แก้วตา (งง) ไม่รู้ค่ะ (ทำงานเงียบๆ ไปครู่) รถไฟมันเลี้ยวออกนอกรางก็ไม่ได้ใช่มั้ยคะ พ่อ

บอกว่าถ้าไม่มีรางมันก็วิ่งไม่ได้...

กฤช แก้วตาไม่ชอบรางมันหรือจ๊ะ ถึงได้สงสารรถไฟ

แก้วตา (มองกฤช พยายามคิดหาคำตอบ) ไม่ทราบซิคะ


กฤชดึงคัตเตอร์จากกระเป๋าเสื้อ ใช้คัตเตอร์ตัดแผ่นสติ๊กเกอร์ เตรียมงานขั้นต่อไป แก้วตาดูกฤชทำงาน และทำของตัวเองไป


แก้วตา ครูนั่งรถไฟมั่งไหมคะ

กฤช นั่งซิ นั่งไปบ้านครูที่อุบล จังหวัดอุบลราชธานี

แก้วตา อุบลอยู่ที่แพร่หรือคะ

กฤช ไม่ใช่จ้ะ แพร่อยู่ทิศเหนือ อุบลอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

แก้วตา ตะวันออกก็ท้องฟ้าตรงพระอาทิตย์ขึ้นใช่ไหมคะ แก้วตาจำได้ ครูเพ็ญเคยสอน

อู๊ย...รถไฟมีรางไปทางพระอาทิตย์ขึ้นด้วย...ดีจัง

กฤช (มองแก้วตาแต่รำพึงกับตัวเอง) ดีจัง ดีใจเพราะเธอคิดไปว่าเจ้ารถไฟติดรางจะไปถึง

ขอบฟ้าได้งั้นหรือ

แก้วตา หนูอยากชวนพ่อกับแม่ขึ้นรถไฟไปที่ท้องฟ้าตรงพระอาทิตย์ขึ้น คงไกล๊ ไกล ใช่ไหม

คะ

กฤช (กับแก้วตา) ไปไม่ถึงหรอกแก้วตา (กับตัวเอง) รางเหล็กมันยึดเธอไว้

แก้วตา บ้านครูที่จังหวัดอุบล มีต้นไม้สูงๆ เยอะเหมือนบ้านยายที่แพร่ไหมคะ

กฤช ไม่หรอก บ้านครูต้นไม้น้อย มองทางไหนก็เห็นแต่ฟ้ากว้างจนแทบไม่เห็นขอบ

แก้วตา (เงียบไปนาน) เวลามองฟ้าเห็นนกบินบ้างไหมคะ

กฤช เห็นซิ

แก้วตา ครูว่าเครื่องบินที่พี่ชนินทร์เค้าขับ บินได้สูงกว่านกไหมคะ

กฤช สูงกว่าซิ มีเครื่องนี่

แก้วตา หนูว่าบินสูงเท่านกก็พอ...เครื่องบินเสียงดังมากใช่ไหมคะ

กฤช (คิดตามแก้วตา) ใช่จ้ะ


ทิพยาเข้ามาหยุดยืนมองแก้วตากับกฤช โดยทั้งสองไม่รู้ตัว


แก้วตา ถ้าหนูกับครูเวศน์นั่งเครื่องบินไปด้วยกัน เราคงไม่ได้ยินเสียงท้องฟ้าใช่ไหมคะ

กฤช (เริ่มหวั่นไหว) ใช่เราคงไม่ได้ยินเสียงท้องฟ้า แก้วตาชอบนกรึ

แก้วตา ชอบค่ะ ครูวาดรูปนกกับก้อนเมฆให้หนูดูได้ไหมคะ

กฤช ได้ซิ

กฤช วาดรูปไป ฟังแก้วตาคุยไป


ทั้งคู่รู้สึกสบายในความเข้าใจ และใกล้ชิดกัน


แก้วตา หนูชอบดูนกบิน บางทีมันเอาปีกไปแตะก้อนเมฆ แน่ะ เหมือนครูวาดเลย แล้วบางที

มันบิน สูง สูง ขึ้นไป...

กฤช (ยังวาดอยู่) เจาะก้อนเมฆหายขึ้นไป อย่างนี้ใช่ไหม

แก้วตา (หัวเราะ) ใช่ ใช่ หนูชอบเวลามันทำอย่างงั้น แล้วบางตัวมันเอาปีกวาดท้องฟ้าเป็น

วงเหมือน เหมือนอะไรล่ะ โค้ง ๆ หลาย ๆ สี

กฤช รุ้ง รุ้งกินน้ำ


กฤชหยุดทำงาน ใจรับภาพคิดของแก้วตา ทิพยาเข้ามาขณะที่แก้วตาพูด ยืนมองโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว


ทิพยา ครูกฤช ใช่มั๊ยคะ

กฤช ครับ

ทิพยา ดิฉันมารับแก้วตาไปหาหมอฟัน

กฤช ครับ อาจารย์นงนุชบอกผมไว้แล้ว

แก้วตา แก้วตายังไม่อยากไป ครูยังวาดรูปไม่เสร็จ

ทิพยา แก้วตารักคุณหมอใจดีไม่ใช่รึจ๊ะ แม่ไม่อยากให้คุณหมอใจดีคอยนานนะจ๊ะ

แก้วตา แก้วตายังไม่อยากไป

กฤช พรุ่งนี้ครูจะระบายสีรูปให้ แต่แก้วตาต้องไปกับคุณแม่ก่อน


แก้วตาเก็บของอย่างไม่เต็มใจ


ทิพยา ครูเพิ่งมาสอนหรือคะ

กฤช ครับ ย้ายมาเทอมนี้

ทิพยา ครูเอกมาทางไหนคะ

กฤช ผมจบจิตรกรรมครับ


ศิระเข้ามา


แก้วตา (น้ำเสียงต่อว่า ไม่พอใจ) วันนี้แก้วตาไม่อยากไปหาหมอ แก้วตาไม่ชอบให้แม่มารับ

เร็ว

ศิระ (เดินมาไหว้ทิพยา) สวัสดีฮะ ทำไงแก้วตาเค้าจะคุยกับผมล่ะฮะ เค้าเอาแต่คุยกับครู

เวศน์ ไม่เอาไหนเล้ย


ฉากที่ 7


บ้านพิภพ


แก้วตาหม่นหมอง เล่นเปียโน เพลง 'พ่อขา' โยกตัวน้อยๆ ทิพยาเข้ามาหยุดฟังแต่ไม่มีกำลังใจจะปลอบ เมื่อเพลงจบแก้วตานั่งเงียบ ยังโยกตัว ทิพยาเข้าไปเอามือวางบนไหล่ แก้วตาเบี่ยงตัว ลุกขึ้นจ้องทิพยา


แก้วตา เมื่อไหร่พ่อจะกลับมา

ทิพยา (ใจหาย) พ่อบอกแล้วไง เดือนหน้าพ่อจะมา พ่อบอกที่สนามบินไง จำไม่ได้หรือจ้ะ

แก้วตา (เสียงดังขึ้นทุกที จนเกือบกลายเป็นเสียงกรีดร้อง) แม่ทะเลาะกับพ่อ พ่อถึงได้ไป

พ่อรักแก้วตา พ่อรักแก้วตา พ่อไม่อยากไป พ่ออยากอยู่กับแก้วตา แม่ทะเลาะกับ

พ่อ แม่ไล่พ่อไป

ทิพยา ไม่ใช่จ้ะ พ่อไปทำงาน พ่อก็บอกแก้วตาแล้วไงจ๊ะ แม่รักแก้วตา (ค่อยๆ เดินเข้าไป

หาแก้วตา แก้วตาถอย) แม่รักแก้วตา


แก้วตานิ่ง แล้วให้ทิพยาค่อยๆ เข้ามาใกล้ ทีละก้าวๆ ดึงตัวเข้าไปกอดเหมือนเด็กเล็กๆ เอียงหน้าซบไหล่แม่ร้องไห้


แก้วตา แก้วตาก็รักแม่ แต่แก้วตาคิดถึงพ่อ แก้วตาอยากให้พ่อกอด (สะอึกสะอื้นสักครู่ แล้ว

เงยหน้า ถอยห่างจากแม่ ถามเสียงแข็ง) ทำไมแม่ทะเลาะกับพ่อ


ทิพยาหมดแรงถอยออก ทรุดนั่งบนเก้าอี้ ไฟเวทีหรี่มืด เห็นแต่ทิพยา


ทิพยา (กับตัวเอง) ทะเลาะกับพ่อรึ


เสียงพิภพก้องเข้ามาในความคิด


เสียงพิภพ จิตวิทยาการศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชนเกษตรกรรม อาจารย์ทิพยาผู้อภิปรายทิ้ง

สัมมนาไม่ได้ แต่ทิ้งลูกเล็กๆ ที่กำลังไข้สูงไว้กับคนใช้ให้ชักจนสมองพิการ ผมไม่เคย

พูดให้คุณเจ็บสักคำจริงไหม ผมเคยรักคุณมากนะทิพยา แต่คุณนั่นแหละทำให้ผม

ด้านชาจนผมไม่รู้แล้วว่าผมยังรักคุณอยู่หรือเปล่า...พัฒนา ใครๆ ก็ยกย่องคุณที่ช่วย

แก้วตาให้พัฒนามาถึงอย่างนี้ เฮอะ อาจารย์ทิพยานักพัฒนามนุษย์ ผัวคุณก็มนุษย์

แต่คุณลืมไป ระวังนะทิพยา บาปที่คุณตั้งหน้าตั้งตาล้างอยู่นั่นน่ะ มันจะทับถมจน

คุณแบกไม่ไหว คุณน่ะเก่งเกินไป


ฉากที่ 8


บ้านพิภพ

(ฉากเดิม)


แก้วตานั่งนิ่งที่เปียโน ลูบไล้คีย์บอร์ด เล่นเพลง 'พ่อขา' เบา ๆ กลอยใจแต่งตัวสวย ใส่กางเกงเปรี้ยว ฮัมเพลงเข้ามา


กลอยใจ แก้วตา แม่อยู่ไหน

แก้วตา อยู่...อยู่...เอ๊ะ...ไม่รู้อยู่ไหน

กลอยใจ พี่เพิ่งกลับมาจากภูเก็ต พ่อฝากคิดถึงแก้วตา

แก้วตา (สดใสขึ้นทันที) เมื่อไรพ่อจะมา แก้วตาคิดถึง

กลอยใจ (ไม่ฟังน้อง) สนุกจังแก้วตา ชนินทร์สอนพี่เล่นสกีน้ำ ช้ำไปหมดทั้งตัว

แก้วตา ช้ำยังไง ช้ำสีเขียว หรือสีม่วง

กลอยใจ พ่อใหญ่นะที่นั่น ใครๆ เรียก เขต ...เขตพิภพ โก้กว่าเป็นผู้จัดการสาขาที่นี่ตั้งเยอะ

คุณอรชรเกาะแจเชียว (หัวเราะ)

แก้วตา ใครเกาะพ่อ

กลอยใจ คุณอรชร ลูกสาวเถ้าแก่เจ้าของร้านอาหารใหญ่ริมทะเล เมื่อคืนก็เลี้ยงกันใหญ่

แก้วตา คุณอรชร เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

กลอยใจ โธ่ แก้วตาก็ผู้หญิงซิ สวยด้วย นี่เห็นไหมเค้าให้กำไลพี่ เก๋มั้ย

แก้วตา แล้วเมื่อไรพ่อจะกลับ แม่บอกอาทิตย์หน้า

กลอยใจ อาทิตย์หน้ายังกลับไม่ได้หรอก คุณอรชรเค้ามีแขกจากเมืองนอก เขาจัดเรือไปค้าง

เกาะ

แก้วตา ทำไมพ่อจะยังไม่กลับ

กลอยใจ ก็เขาเชิญพ่อไปเที่ยวด้วยไง ฝรั่งคนนี้สำคัญนะ เขาจะมาลงทุนเมืองไทย นี่พี่จะบอก

อะไรให้ แก้วตาฟังนะ

แก้วตา เดี๋ยว แก้วตาไปเดี๋ยวเดียว


แก้วตาเดินออกไป กลอยใจฝันหวานเหมือนกับลอยอยู่บนก้อนเมฆ แก้วตาถือเข็มขัดกลับเข้ามา กลอยใจดึงแก้วตาให้มานั่งฟังตน


กลอยใจ แก้วตามาคุยกับพี่มา พี่มีความสุขม้าก มาก มากที่สุดในโลก แก้วตาดีใจกับพี่ไหม


แก้วตาพยายามส่งเข็มขัดให้กลอยใจ ตลอดเวลาขณะที่กลอยใจกำลังพูด


แก้วตา พี่กลอย แก้วตาให้พี่กลอย

กลอยใจ แก้วตา พี่กับชนินทร์จะแต่งงานกันเดือนหน้า

แก้วตา (พยายามยื่นให้) พี่กลอยอยากได้เข็มขัด แก้วตาให้

กลอยใจ (ไม่ฟังน้อง) แก้วตาดีใจกับพี่มั้ย (มองเข็มขัดเพิ่งเข้าใจว่าแก้วตาพูดอะไร) ขอบใจ

จ้ะ พี่มีเยอะแยะแล้ว ชนินทร์เขาเอามาฝากจากเมืองนอก แก้วตารักมันก็เก็บมันไว้

ซิ

แก้วตา แก้วตาไม่รักมัน

กลอยใจ (ตัดรำคาญ) เอ้า เอาก็ได้ ขอบใจนะ แก้วตาจะฟังพี่มั๊ย

แก้วตา ฟัง

กลอยใจ ฟังดี ๆ นะ พี่กับชนินทร์จะแต่งงานกัน แล้วเราก็จะบินไปญี่ปุ่น...

แก้วตา ครูเวศน์ว่าเครื่องบินบินสูงกว่านก

กลอยใจ ไปฮันนีมูนกัน...

แก้วตา (สนใจ) ไปฮันนีมูนไปทำยังไง

กลอยใจ ก็...เฮ้อ...แก้วตารู้มั้ยวันนี้ชนินทร์เค้าทำยังไง คุยๆ อยู่เค้าก็จับมือพี่ไปกุมไว้ แล้วเค้า

ก็กระซิบว่าเราจะแต่งงานกันเดือนหน้านะกลอย

แก้วตา (สนใจมาก) แล้วเค้าทำยังไงอีก

กลอยใจ (มองน้อง ไม่แน่ใจว่าจะเล่าต่อดีหรือไม่ พูดเสียงเบา) เขากอดพี่แล้วจูบพี่สองที

แล้วกระซิบว่าเราจะมีลูกกันสองคนนะจ๊ะ

แก้วตา จูบทีก็จะมีลูกทีหรือ

กลอยใจ (ไม่ฟัง) แต่งงานแล้วพี่จะไปอยู่กับชนินทร์ พี่จะไปจากบ้านนี้เสียที

แก้วตา บินไปหรือคะ (กลอยใจเพลินกับความคิดของตัวเอง จนไม่ได้ยิน) พี่กลอย

กลอยใจ อะไรจ๊ะ

แก้วตา บ้านครูเวศน์อยู่ทางพระอาทิตย์ขึ้น ท้องฟ้าบ้านครูกว้าง มองขึ้นไปเห็นนกบิน

กลอยใจ (หัวเราะ) แหม ครูเวศน์นี่ช่างบรรยายชะมัด พี่ขึ้นข้างบนนะ


แก้วตานั่งที่เปียโน พูดกับกลอยใจซึ่งกำลังเดินฮัมเพลงออกไป


แก้วตา (พูดกับเปียโน) แก้วตาอยากไปอยู่บ้านครูเวศน์ (นิ่งคิดแล้วพูดอย่างมั่นใจ) ครูเวศน์

รักแก้วตา

เริ่มเล่นเพลงทำนอง'พ่อขา'แต่ไม่เศร้าเหมือนก่อนๆ เพลงค่อยๆ แปลงเป็นหวานสดใส ช้าบ้างเร็วบ้าง หยุดบ้างเหมือนคนเล่นกำลังเล่นไปแต่งไป ทิพยาเข้ามายืนฟังจนจบ


ทิพยา เพราะจัง เพลงอะไรจ๊ะ

แก้วตา เพลงท้องฟ้า

ทิพยา ทำไมไม่ชื่อเพลงวันนี้เหมือนเพลงอื่น ๆ ของแก้วตาล่ะ

แก้วตา (พยายามคิด) ไม่ทราบค่ะ บ้านครูเวศน์ท้องฟ้ากว้างอยู่ทางพระอาทิตย์ขึ้น มองขึ้น

ไเห็นนกบิน

ทิพยา (พยายามเบนความคิด) โรงเรียนปิดเทอมคราวนี้เราจะไปอยู่ที่แพร่ ที่นั่นนกเยอะ

จำได้มั๊ย แก้วตาเคยเอาตัวปีกหักมาพยาบาลจนมันบินได้

แก้วตา (หัวเราะ สบายใจ) ใช่ แก้วตาก็บอกให้มันบินไป ระวังอย่าปีกหัก ตกลงมาอีก มันบิน

ขึ้นไปหาก้อนเมฆ ไปหาคุณยายนั่งรถไฟไปใช่ไหมคะ

ทิพยา ใช่จ้ะ ก็อย่างที่เราเคยไปทุกๆ ครั้งนั่นแหละ

แก้วตา แก้วตาอยากนั่งรถไฟไปถึงพระอาทิตย์ตรงที่ท้องฟ้าแตะกับดินน่ะค่ะ

ทิพยา ตรงที่เรามองเห็นเหมือนกับว่าท้องฟ้าแตะดินน่ะ เรียกว่าขอบฟ้า

แก้วตา นั่นแหละค่ะ แก้วตาอยากชวนแม่นั่งรถไฟไปที่ขอบฟ้า ตรงที่พระอาทิตย์ขึ้น อยาก

ชวนพ่อด้วย ยายด้วย แล้วก็ปิ่น พี่กลอย พี่ชนินทร์

ทิพยา รถไฟไปไม่ถึงขอบฟ้าหรอกจ้ะ ไม่มีใครไปถึงหรอก เราแค่มองเห็นขอบฟ้า มองไป

ไกลมากๆ ก็เห็นเหมือนฟ้าแตะกับดิน แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น แก้วตาเข้าใจไหม

จ๊ะ

แก้วตา ครูเวศน์บอกว่ามีรถไฟไปที่นั่น พระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้าตรงบ้านครูเวศน์ค่ะ ครู

เวศน์นั่งรถไฟไปเวลาปิดเทอม

ทิพยา ลูกคงฟังครูผิดมังจ้ะ

แก้วตา ครูเวศน์บอกอย่างนั้นจริงๆ แล้วครูก็บอกว่าเครื่องบิน บินได้สูงกว่านก แต่แก้วตาว่า

เครื่องมันดัง บินอย่างนกดีกว่า นกมันคงชอบฟังเสียงท้องฟ้า

ทิพยา แก้วตาชอบครูเวศน์มากรึจ๊ะ

แก้วตา แก้วตาชอบคุยกับครูเวศน์ เรื่องต้นไม้ เรื่องน้ำ เรื่องบ้านครู คุยกันเหมือนพี่ชนินทร์

คุยกับพี่กลอย พี่กลอยยังเล่าให้แก้วตาฟัง

ทิพยา (นิ่งอึ้ง) แก้วตาชอบครูเวศน์มากรึจ๊ะ

แก้วตา (เต็มที่) ชอบมากค่ะ (นั่งคิด) แม่คะ

ทิพยา (ระมัดระวัง) อะไรจ๊ะ แก้วตาจะถามอะไร

แก้วตา (แต้มฝันของตัวเอง ไม่มีจริต) ผู้ชายจับมือผู้หญิงแปลว่าเค้าอยากแต่งงานด้วย ใช่

มั้ยคะ

ทิพยา แก้วตาถามทำไม

แก้วตา ใช่มั้ยคะ

ทิพยา (ระวังคำตอบ) ก็ไม่เสมอไปหรอกจ้ะ แล้วแต่ว่าเขาจะจับมืออย่างไง

แก้วตา แล้วถ้าเขาเอามือไปจูบทีนึง ก็จะมีลูกคนนึง สองทีก็สองคนใช่มั้ยคะ

ทิพยา (ไม่สบายใจขึ้นเรื่อยๆ ) ไม่มีหรอกจ้ะ แก้วตายังไม่เข้าใจ แต่แก้วตาต้องบอกแม่ว่า

ถามทำไม

แก้วตา ก็แก้วอยากรู้

ทิพยา (จับมือแก้วตาทั้ง 2 ข้างยึดไว้ มองหน้าถาม) มีใครทำอย่างนั้นกับแก้วตาหรือ


แก้วตาถอยลึกเข้าไปในความฝันของตน


แก้วตา มีค่ะ ครูเวศน์ไงคะ


ทิพยาปล่อยแก้วตา แก้วตานั่งลงเล่นเพลงท้องฟ้า โปร่งใสเหมือนฝันที่งดงามกว่าครั้งใดๆ ไฟดับมืดทั้งเวที


เกือบทันทีที่แก้วตาเริ่มเล่นเปียโน และสว่างขึ้นที่มุมหนึ่งของเวทีให้เห็นว่าเป็นครัว ปิ่นกำลังตีไข่ ทิพยาเดินเข้ามา เสียงเพลงค่อยลงเล็กน้อยเหมือนได้ยินจากห้องถัดไป

ทิพยา ปิ่น (ยกมือให้ปิ่นหยุดตีไข่) ปิ่น ฟังซิ แก้วตาไม่เคยเล่นดีอย่างนี้มาก่อน

ปิ่น (ชื่นชม) เพลงเพราะจัง คนสวยของปิ่น ทั้งสวยทั้งเก่งขึ้นทุกวัน (มองหน้าทิพยา)

คุณทิพเป็นอะไรไปคะ จะเป็นลมหรือ

ทิพยา เปล่า ไม่เป็นไร เพลงนี้มันดีเกินไป

ปิ่น อ้าวก็ดีน่ะซิคะ

ทิพยา มันกลายมาจากเพลง 'พ่อขา' ฉันตั้งชื่อเองแหละ เพลงที่แก้วตาเล่นเวลาพ่อเค้า

รำคาญแก หรือทำให้แกเสียใจน่ะ

ปิ่น อ้าว

ทิพยา มันกลายมาเป็นเพลงนี้ เพลงท้องฟ้า แก้วตาเขาตั้งชื่อ ฟังดูซิมันหวานโปร่งใส (หยุด

ฟัง ครุ่นคิด) ฉันไม่สบายใจ มันดีเกินไป (เพลงจบ ทิพยาตัดสินใจ) ปิ่นฉันจะนัดให้

คุณกฤชมาคุยกับฉันที่นี่สายๆ วันเสาร์



ฉากที่ 9




บ้านพิภพ


(เวทีว่าง)


เสียงปิ่น (นอกเวที) อ้าว ได้ตัวโต้งกลับมาแล้วหรือคะนี่ โล่งอกไปทีพ่อคุณ

เสียงป้อม (นอกเวที) ตำรวจเค้าเรียกไปรับที่โรงพักตั้งแต่เมื่อวาน อาจารย์ทิพยาอยู่ไหม

เสียงปิ่น (นอกเวที) ออกไปธุระ เดี๋ยวก็กลับค่ะ นัดครูของแก้วตาให้มาพบ 4 โมงเช้า

เสียงป้อม (นอกเวที) เมื่อคืนฉันโทร.ถึงอาจารย์แล้วว่าจะขอเอาโต้งมาฝากสักครึ่งวัน บ่ายๆ จะมารับ ที่

บ้านไม่มีใครอยู่เดี๋ยวจะหายไปอีก


แก้วตาเข้ามานั่งที่เปียโน ขณะที่เสียงโต้ตอบดังลอดเข้ามา


เสียงปิ่น (นอกเวที) ตำรวจเขาไปเจอที่ไหนล่ะคะ

เสียงป้อม (นอกเวที) นั่งอยู่กลางตลาด เสื้อแสงหาย ใครถอดเอาไปก็ไม่รู้ มอมเชียว

เสียงปิ่น กลับบ้านต้องอาบน้ำกันซะใหญ่ซิคะ

เสียงป้อม นั่นน่ะซิปิ่น ฉันต้องรีบไป เค้าไม่ทำเปียกหรอก เดี๋ยวถ้าปวดจะโวยวายให้รู้

แก้วตา (เดินออกจะไปหาปิ่น) ปิ่นจ๋า ใครมาหา


ปิ่นครึ่งลากครึ่งจูงโต้งสวนเข้ามา โต้งวัยสามสิบสี่ ปัญญาพิการอย่างหนัก ดูซีดขาว นุ่งกางเกงขายาว ใส่เสื้อเรียบร้อย


ปิ่น นี่ไง โต้ง ที่คุณพ่อคุณแม่พูดถึงบ่อย ๆ ไง

แก้วตา (มองโต้งเหมือนโต้งเป็นคนปกติ) ก็น้องน้าป้อม ใช่ไหมคะ

ปิ่น ใช่จ้ะ


จับโต้งนั่ง โต้งเริ่มโยกตัวไม่หยุด


แก้วตา (ไหว้) สวัสดีค่ะ (ถามปิ่น) น้าโต้งปัญญาอ่อน เอ๊ย พิการเหมือนแก้วตาใช่ไหม

ปิ่น โอ๊ย ไม่เหมือนกัน แก้วตาเก่งออก คนนี้พูดยังไม่รู้เรื่องเลย

แก้วตา แก้วตาจะคุยกับน้าโต้งเอง น้าโต้งปัญญาพิการเหมือนแก้วตา (ออกเสียงคำว่า

ปัญญาพิการอย่างระมัดระวัง เพราะท่องจำไว้โดยไม่เข้าใจความหมาย)

ปิ่น ดีแล้ว ปิ่นจะขึ้นไปกวาดบ้านกวาดช่อง ถ้าเค้าโวยวายล่ะก็รีบเรียกปิ่นนะ ตะโกน

เลย

แก้วตา ถ้าเค้าปวดท้องฉี่ หรือท้องอึ ให้แก้วตาเรียกใช่ไหม

ปิ่น เอ๊ะ เดี๋ยวนี้เก่งจริง

แก้วตา ปิ่น เอาน้ำเย็นมาให้ได้ไหมจ๊ะ แก้วตาจะได้อยู่เป็นเพื่อนน้าโต้ง

ปิ่น (เอ็นดู) เจ้าค่ะ เดี๋ยวจะเอามาให้


ปิ่นออกไป


แก้วตา แก้วตาอยู่เป็นเพื่อนน้าโต้งนะ (คุยพลางหยิบหมอนให้โต้งพิง) นั่งอย่างงี้จะได้สบาย

น้าโต้งอยู่บ้านทุกวันเหงาไหมคะ เวลาเหงาแก้วตาเล่นเปียโน แล้วก็ดูรูปในหนังสือ


ปิ่นเอาน้ำเย็นมาวางให้ มองแก้วตาอย่างเอ็นดู แล้วออกไป


แก้วตา น้าโต้งทานน้ำนะคะ (ส่งแก้วน้ำให้ โต้งยังโยกตัวแต่น้อยลง) ไม่ทานหรือ

(มองโต้ง ดูว่าจะตอบหรือไม่ โต้งโยกตัวน้อยลง ๆ ไปอีก) เอ้างั้นแก้วตาช่วย

(แก้วตาจะป้อนน้ำโต้ง แก้วตาหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากระโปรงออกมาเช็ดน้ำกับ

น้ำลายบริเวณปากโต้ง โต้งหยุดโยกตัวมองแก้วตาเป็นครั้งแรก แก้วตายิ้มให้ ) แต่ก็

ไม่ค่อยเหงาหรอก เพราะไปโรงเรียน พออยู่บ้านแก้วตาก็คิดถึงพ่อ พ่อแข็งแรง ครู

เวศน์ก็แข็งแรง เมื่อวานครูเวศน์ยังยกกล่องงานให้แก้วตา (เริ่มฝัน) มือครูเวศน์ใหญ่

นะ แล้วก็สีเหมือนเข็มขัดที่พ่อเคยซื้อให้


แก้วตานิ่งคิดถึงกฤช แล้วนึกถึงโต้งก็ลุกขึ้นไปพลิกหาหนังสือ


แก้วตา พ่อชอบซื้อหนังสือรูปภาพให้แก้วตาดู น้าโต้งคงชอบ


ขณะแก้วตาเลือกหนังสือ โต้งกระโดดขึ้นส่งเสียง เต้น สลัดตัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แก้วตาวิ่งมาดู


แก้วตา ปวดท้องฉี่หรือคะ อ๋อ แมงสาบ แมงสาบตัวนิดเดียว มันไปแล้วค่ะ มันไปแล้ว

(ดึงโต้งให้นั่ง โต้งโยกตัวอย่างแรง แก้วตาโอบโต้ง เอาแขนพาดไหล่ โยกตามอย่าง

ปลอบโยน โต้งโยกตัวน้อยลงๆ จนหยุด โต้งค่อยๆ เอนหัวพิงไหล่แก้วตา แก้วตา

เอียงหน้าแนบหัวโต้ง ทั้งคู่นิ่งเหมือนแม่กับลูกได้ความอบอุ่นจากกันและกัน)

เสียงปิ่น (นอกเวที) เชิญข้างในก่อนนะคะ คุณทิพออกไปธุระยังไม่กลับ แก้วตาอยู่ค่ะ


กฤชเข้ามาหยุดมองแก้วตากับโต้ง ยืนนิ่งนาน นานด้วยความรู้สึกที่ตัวเองก็เข้าใจไม่ได้


กฤช แก้วตา ทำอะไรจ๊ะ


แก้วตาหันมอง แปลกใจ ดีใจ แต่ยังนั่งอยู่ โต้งนิ่งอยู่ในท่าเดิมเหมือนไม่มีใครเข้ามา


แก้วตา แก้วตากำลังปลอบน้าโต้งค่ะ

กฤช (หวง แต่ระมัดระวัง) ครูว่าอย่าไป...เอ้อ...


แก้วตาคลายมือจากโต้ง


แก้วตา ครูมาหาแก้วตาหรือคะ

กฤช แก้วตาชอบไหมล่ะที่ครูมา

แก้วตา (แทบกลั้นหายใจ) แก้วตาชอบ ครูมาบ่อยๆ ได้มั้ยคะ แก้วตาอยากให้ครูมาทุกวัน

กฤช (หัวเราะ) มาทุกวันไม่ได้หรอก

แก้วตา แต่แก้วตาอยากให้มาทุกวัน...นี่น้าโต้งค่ะ (กับโต้ง) น้าโต้งหายกลัวแล้วใช่มั้ย (จัด

โต้งให้นั่งคนเดียว) นั่งเองได้นะคะ แมงสาบตัวนิดเดียว (กับกฤช) น้าโต้งกลัวแมง

สาบ แก้วตาจะไปเอาน้ำเย็นมาให้ครู (แก้วตาจะออกไป ปิ่นถือน้ำเข้ามา)อ้าว ปิ่น

เอามาพอดี (รับเอามาวางให้กฤช ปิ่นออกไป กฤชก้มทักโต้ง)

กฤช เป็นไงโต้ง ครูไม่เคยรู้ว่าแก้วตามีน้า เป็นน้องคุณแม่หรือ

แก้วตา ไม่ใช่คะ แม่เป็นพี่น้าป้อม พี่ปลอมไม่ใช่พี่จริง

กฤช (เอ็นดู) อ้อ ก็เป็นน้าปลอมนะซี

แก้วตา น้าโต้งกลัวแมงสาบจังค่ะครู ตัวสั่นไปหมด แก้วตาก็เลยปลอบเค้าเหมือนพ่อเคย

ปลอบแก้วตา พอพ่อกอดแก้วตาไว้ อะไรๆ มันก็ไม่น่ากลัว บางทีแก้วตาก็อยากให้

ใครมากอด อย่างพี่ชนินทร์กอดพี่กลอย


กฤชหวั่นไหว มองแก้วตาด้วยความรู้สึกของผู้ชาย


กฤช แก้วตาอย่ากอดเขาอย่างนั้นอีกนะจ้ะ

แก้วตา ทำไมต้องไม่กอดน้าโต้งคะ

กฤช เพราะ เอ้อ...เพราะมันไม่เหมาะสม


ทิพยาเข้ามา ทันฟังช่วงสุดท้ายของแก้วตากับกฤช


แก้วตา ครูจะมาคุยกับคุณแม่เรื่องแก้วตาหรือคะ

กฤช ใช่ คุณแม่ให้มาคุยเรื่องแก้วตา

แก้วตา (ตื่นเต้นมีความสุข) ก็เหมือนอย่างพี่ชนินทร์มาคุยกับคุณพ่อคุณแม่เรื่องพี่กลอย

กฤช เพิ่งมาถึงครับ เอ้อ...ออกจากบ้านเร็วไปหน่อย กลัวรถติด

ทิพยา แก้วตาดีใจซิ ได้คุยกับครูเวศน์

แก้วตา ดีใจค่ะ ครูจะฟังเพลงท้องฟ้ามั้ยคะ เพลงท้องฟ้าเหมือนบ้านครู

กฤช (สนใจ ลืมตัว) เหมือนยังไงจ๊ะแก้วตา

ทิพยา ยังจ้ะ ครูมาคุยธุระกับแม่ แม่กับครูคุยกันเสร็จ แก้วตาค่อยเล่น


ปิ่นเข้ามา


ทิพยา ปิ่นพาแก้วตากับโต้งขึ้นไปข้างบนนะ ปิ่นอยู่ด้วยนะอย่าไปไหน ห้องคุณแก้วตา

ก็ได้ แล้วปิดประตูเสีย ฉันเรียกค่อยลงมา

ปิ่น มาโต้ง มา (จูงโต้ง) เอาแก้วตา มาซิ

แก้วตา แต่แก้วตาอยากจะอยู่ด้วย

ปิ่น เอ้า เร็ว ๆ

แก้วตา (ยืนยัน) แต่แก้วตาอยากเล่นเพลงท้องฟ้าให้ครูฟัง ได้ไหมคะ

ทิพยา ขึ้นไปจ้ะ เดี๋ยวแม่จะเรียกให้ลงมาเล่นให้ครูฟัง


แก้วตาตามปิ่นกับโต้งออกไป


ทิพยา เชิญนั่งซิคะ(กฤชนั่ง รอฟัง) คงยังไม่เคยมีผู้ปกครองเชิญครูไปปรึกษาถึงบ้าน

กฤช ยังครับ ก็มีที่ให้สอนปั้นกับวาด

ทิพยา แก้วตาชื่นชมครูมาก ดิฉันก็เลยเชิญมาคุยที่นี่ จะได้เห็นว่าบ้านเราอยู่กันยังไง

กฤช ครับบ้านน่าอยู่

ทิพยา บ้านเหงาค่ะ (ทิ้งจังหวะ กฤชนิ่งคอยให้พูดต่อ) พ่อแก้วตาไปทำงานภูเก็ต เดือนจะ

กลับสักครั้ง

กฤช ครับแก้วตาบอกผม ดูแกจะติดคุณพ่อมากนะครับ เมื่อแรกๆ ที่ท่านไป แกพูดถึง

ซ้ำ ๆ เกือบทั้งวัน

ทิพยา ตอนนี้ล่ะคะ

กฤช น้อยลงมากครับ ช่วงนั้นซึม แต่เดี๋ยวนี้สดใส ช่างคุย (หัวเราะ สุขใจ เมื่อนึกถึง

แก้วตา) สนใจไปเสียทุกอย่าง

ทิพยา งั้นหรือคะ

กฤช (คิด) ผมว่างั้นนะครับ หลังๆ นี่ดีมากทุกด้าน แกกลับร่าเริง เมื่อวานก็เด็ดดอกไม้มา

ปักแจกัน มาวางที่โต๊ะทำงานผม

ทิพยา ครูช่วยแกได้มาก มากกว่าครูอื่น ๆ

กฤช (หัวเราะ) ขอบคุณครับ คงจะเป็นเพราะผมสนใจแก แก้วตาเป็นคนน่ารัก

ทิพยา (ทิ้งจังหวะ) น่ารักหรือคะ

กฤช ครับ เอ้อ...(ปรับเป็นเสียงวิชาการ) พัฒนาการแกน่าสนใจ

ทิพยา (พูดต่อให้) เป็นพิเศษ

กฤช ครับ แกช่างคิด คำพูดแกบางครั้งทำให้ผมต้องไปคิดต่ออีกหลายวัน

ทิพยา ดิฉันดีใจที่ครู...ชอบแก...มาก แกแต่งเพลงด้วยนะคะ เพลงท้องฟ้า แกว่าเหมือน

บ้านครู

กฤช (หัวเราะ พอใจ) เหมือนยังไงครับ

ทิพยา ครูบอกแกไม่ใช่หรือคะว่าที่บ้านครูท้องฟ้ากว้าง มองขึ้นไปเห็นนกบินสูงลิบ

กฤช (หวั่นไหวจนทิพยาสังเกตเห็น) แล้วแกมาแปลงเป็นเพลง น่าเสียดายนะครับ แกคง

เป็นคนที่มีอะไรๆ พิเศษทีเดียวถ้าแกไม่...

ทิพยา (หวนนึกถึงพิภพ ขมขื่น) ไม่ปัญญาอ่อนเพราะแม่แกหลงงานจนทิ้งลูกให้ชัก

กฤช ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น

ทิพยา (ได้สติ) ช่างเถอะค่ะ (เดินไปมองออกนอกหน้าต่าง) ฝนทำท่าจะตกอีกเสียแล้ว (ทิ้ง

จังหวะ เลือกหาคำพูด) แก้วตาชวนดิฉันขึ้นรถไฟไปบ้านครู บ้านครูอยู่จังหวัดไหน

คะ

กฤช อุบลครับ

ทิพยา จะให้ไปไหมคะ

กฤช ก็ดีซิครับ ถ้าสบายก็เชิญอยู่นานๆ เลยครับ แต่อีสานไม่เห็นค่อยมีใครอยากไปพัก

นานๆ

ทิพยา อยู่นานๆ จะไม่รำคาญแก้วตาหรือคะ

กฤช โอ๊ยไม่หรอกครับ ผมไม่เคยรำคาญแกเลย เชิญซิครับปิดเทอมนี้

ทิพยา ขอบคุณค่ะ (ทิ้งจังหวะ) จิตแพทย์แนะนำให้แกทำหมันมานานแล้ว...ครูคิดว่า

แก้วตาน่าจะมีโอกาสมีครอบครัวเหมือนผู้หญิงปกติไหมคะ หรือว่าถึงเวลาที่ควรจะ

เอาแกไปทำหมันเสียที

กฤช (เข้าหาวิชาการ) ตามทฤษฎีคนปัญญาพิการที่ช่วยตัวเองได้ในระดับนี้ ก็มีสิทธิที่จะ

มีครอบครัว

ทิพยา ดิฉันดีใจที่เราคิดตรงกัน

กฤช มันขึ้นกับอาจารย์มากนะครับ ในฐานะแม่ อาจารย์คิดว่าแกพร้อมไหมล่ะครับที่จะ

รับผิดชอบหน้าที่ภรรยา

ทิพยา หน้าที่ภรรยา...มีขอบข่ายแค่ไหนคะ ครูว่าใครคะเป็นคนกำหนด แก้วตารักได้ เจ็บ

ปวด เสียใจได้ พูดถึงรัก แก้วตารักได้มากกว่าคนปัญญาดี ที่รู้แต่จะเอาตัวรอดเสีย

อีกจริงไหมคะ

กฤช ครับ

ทิพยา ครูคิดว่าแกน่าจะใช้ชีวิตแต่งงานได้ไหมคะ

กฤช ก็น่าจะได้นะครับ (พูดไปคิดไป ยังรู้สึกถึงความหวั่นไหวที่ตนรู้สึกกับแก้วตา) แต่มัน

สำคัญที่ตัวคนที่จะ...

ทิพยา (เกิดความหวัง) ค่ะ ว่าจะเข้าใจแกแค่ไหน ใครนะที่ว่าครูกับแก้วตาคุยกันได้ทีละ

นานๆ

กฤช (รู้สึกสับสน) ครับผมคุยกับแกได้ ในฐานะครูผมก็ต้องเข้าใจ...

ทิพยา ใช่ค่ะ ครูเข้าใจแกดีมากกว่าใคร แกถึงได้ติด แม้กระทั่งเรื่องที่ครูพูด แกก็มาคิดเป็น

เพลง แก้วตาเป็นคนที่มีแต่จะรัก แกไม่รู้จักเกลียดค่ะ...ครูว่ายังไงนะคะ

กฤช ผม...ผม...ไม่ได้ว่ายังไง...ก็จริงนะครับที่อาจารย์พูด แก้วตาไม่รู้จักเกลียด

ทิพยา ค่ะ ปิดเทอมนี้ฉันจะพาแก้วตาไปกราบคุณพ่อ คุณแม่ครู ให้ท่านรู้จักแก

กฤช (งง ๆ ) ไปหาพ่อแม่ผมหรือครับ...เอ้อ...ท่านคงชอบแกมากเชียวครับ

ทิพยา ก็ดีซิคะ ผู้ใหญ่น้อยคนนะคะจะทำใจรับสะใภ้ปัญญาพิการได้

กฤช (งงมาก) ครับ น้อยคน เอ้อ...อาจารย์พูดถึงใครนะครับ

ทิพยา อ้าว ก็ครูพูดถึงคุณพ่อคุณแม่ครู

กฤช ว่ายังไงนะครับ

ทิพยา ว่าท่านจะชอบแก้วตา ท่านต้องจิตใจดีมากเชียวที่ไม่รังเกียจที่จะมีสะใภ้ปัญญา

พิการ

กฤช เอ้อ อาจารย์คงเข้าใจผมผิดแล้วล่ะครับ อาจารย์...คง...ไม่ได้เข้าใจว่าผมจะแต่งงาน

กับแก้วตานะครับ

ทิพยา (ไม่เชื่อหูตัวเอง) อะไรนะ ฉันนึกว่าครูจริงใจ

กฤช ผมจริงใจครับ แต่ก็ไม่เคยคิดจะแต่งงานกับแก

ทิพยา แต่...แต่ทำไมครูทำกับแกอย่างนั้น

กฤช (งง) ผม...ผมทำอะไรกับแก้วตานะครับ อาจารย์ฟังอะไรมาครับ

ทิพยา ก็ครูทำอะไรล่ะ แกล้งทำเป็นไม่รู้ได้ถึงอย่างนี้เชียวหรือ


กฤชเดินไปมาพยายามเข้าใจ ทิพยามองตามอย่างไม่ละสายตา


กฤช เดี๋ยวก่อนครับ ใครมาเล่าอะไรให้อาจารย์ฟัง

ทิพยา ก็แก้วตาน่ะซี

กฤช แก้วตา...แกเล่าว่ายังไงครับ

ทิพยา ครูนึกไม่ออกเชียวรึคะว่าครูทำอะไรกับแกไว้

กฤช ทำอะไร ผมมีแต่ช่วยแกตลอดมา

ทิพยา แล้วแกล่ะคะ แกไม่ได้ช่วยอาจารย์หรอกหรือ

กฤช ช่วยผม ช่วยอะไรครับ ผมทุ่มเทให้แก...อาจารย์ก็ทราบว่าผม...

ทิพยา เทวดา หรือนักบุญที่เสียสละอะไรมิอะไรเพื่อช่วยเด็กปัญญาอ่อนที่น่าสงสาร

(แก้วตาเดินเข้ามา สดใส เต็มไปด้วยความหวัง หยุดยืนมองจากริมเวที) เอาล่ะค่ะ

แกบอกฉันว่าครูจับมือ จูบมือแก ครูทำอะไรกับแกอีก ใครจะรู้ในเมื่อแกเห็นครูเป็น

เทวดา

กฤช โอ๊ย ไปกันใหญ่ (พยายามข่มอารมณ์ พูดอย่างมีสติ) อาจารย์ก็รู้เรื่องแฟนตาซี

แก้วตาแกแยกความคิดฝันกับความเป็นจริงไม่ออก

ทิพยา (เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้) ครูจะพูดยังไงก็ได้ ก็รู้กันอยู่ว่าแก้วตาแกไม่มี

ปัญญาจะเถียง

กฤช ถ้างั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด ลาละครับ


แก้วตาผวาจะตามกฤช แต่มาหยุดเกาะเปียโนเหมือนเป็นเพื่อนทั้งกายและใจ


ทิพยา (พยายามใช้เหตุแล แต่ยิ่งพูดยิ่งหลุดเข้าไปในอารมณ์ที่ขาดเหตุผล ดุเดือดเหมือน

สัตว์ที่กำลังต่อสู้เพื่อปกป้องลูกจากอันตราย) เดี๋ยวค่ะ เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ทำไม

ฉันจะไม่เห็นว่าครูชอบแก้วตามาก แก้วตาอาจจะเป็นคู่คิดไม่ได้ แต่แกทำให้ครูมี

ความสุขได้ แกใจสะอาด มีน้ำใจ ไอคิวแกก็เกือบ borderline ดูเผินๆ ใครจะรู้ อยู่กับ

ครูแกจะดีขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างพอพ่อแกไป แกก็หันมาทุ่มจิตใจให้ครู ครูทำให้แกหลง

ทั้งๆ ที่รู้ว่าแกเป็นยังไง ครูต้องรับผิดชอบ

กฤช เอ๊ะ ทำไมมันจะมากลายเป็นเรื่องให้ผมต้องรับผิดชอบ ผมเป็นคนธรรมดาสามัญ

ครับ ถ้าจะแต่งงานก็จะแต่งงานกับผู้หญิงที่เข้าใจผม ที่พูดกันรู้เรื่อง ลาละครับ

อาจารย์

ทิพยา เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน (ท่าทาง เหมือนคนขาดสติ) แล้วฉันจะทำยังไงกับแก้วตา แก

จะต้อง...ถ้าครูแต่งงานกับแก้วตาแล้วมีปัญหาอะไรฉันจะช่วยทุกอย่าง

กฤช อาจารย์อยู่กับความเป็นจริงหน่อยซิครับ มันจะเป็นไปได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้ครับ

ทิพยา ผู้ชายอย่างคุณน่ะเป็นอันตรายกับเด็กสาว ๆ ทั้งโรงเรียนนั่นแหละ ฉันจะไปพูดกับผู้

อำนวยการ

กฤช ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ผมจะแก้ปัญหาให้ ผมจะขอย้ายเอง อาจารย์สบายใจได้

แก้วตาจะไม่พบผมอีก ผมแต่งงานกับคนปัญญาอ่อนไม่ได้หรอกครับ


กฤชเดินออกจากเวที แก้วตาค่อย ๆ ทรุดลงที่เปียโน ซบหน้า โยกตัว สองมือตีบนคีย์บอร์ด เสียงความวินาศแตกสลาย

ทิพยาวิ่งไปหา


ทิพยา (กรี๊ดร้อง) แก้วตา...


ไฟดับมืดสนิท ขณะเสียงเปียโนยังดังเสียดแทงความรู้สึก


ไฟสว่างเป็นกรอบครึ่งตัวที่ทิพยาเหมือนครั้งก่อน

ทิพยา ฉันจะทำยังไง มีใครไหมที่จะช่วยฉันกับแก้วตา...แก้วตาจ๊ะ ขอบฟ้าไม่มีจริงหรอก

ลูก มันเป็นแค่ภาพลวงตา มองไกลๆ เท่านั้นแหละถึงจะเห็นเป็นขอบฟ้า(มองไกล

เหมือนอยากเอื้อมไปให้ถึงขอบฟ้า นิ่งนาน ทรุดตัวลงร้องไห้)


เสียงทุบคีย์บอร์ดเปียโนดังขึ้นแล้ว เงียบไป ค่อยกลายเป็นทำนองใหม่ ที่หลุดออกทีละโน้ต ทิพยายืนขึ้น ไฟสว่างขึ้นที่แก้วตานั่งเล่นเปียโนด้วยมือขวา กระท่อนกระแท่นเหมือนกำลังหัดเดิน


ทิพยา (พูดเบา ๆ ขณะก้าวไปหาแก้วตา) ไม่มีสิ้นสุด


ไฟดับ

เพลงของแก้วตากลายเป็นเพลงที่บอกถึงความหวังกระหึ่มดังในความมืด


 



คุณหญิงจำนงศรีมีผลงานบทละคร 2 เรื่องด้วยกันคือ สิ้นแสงตะวัน ซึ่งได้รับรางวัลวรรณกรรมดีเด่น จากมูลนิธิ John A. Eakin และบทละครเรื่อง ขอบฟ้าของแก้วตา ซึ่งพิมพ์รวมเล่มอยู่ในหนังสือ 5 บทละครเวทีไทย


คุณหญิงเล่าถึงการเขียนบทละครว่า

 

ทำไมถึงได้เขียนบทละคร...ก็ไม่รู้เหมือนกันและไม่เคยเขียนบทละครมาก่อน แต่ชอบดูละครมาก ตอนอยู่ที่อังกฤษก็ชอบดูละคร ก็เลยลองเขียนขึ้นมา แล้วส่งเข้าไปประกวด คือผลที่ได้เป็นบทละครเพื่ออ่าน มากกว่าเป็นบทละครเพื่อแสดง เพราะว่าเราไม่ได้ถูกเทรนมา เพราะฉะนั้นเราเขียนเหมือนเป็นบทสนทนาที่มันเป็นไปเป็นฉากๆ ชื่อเรื่อง สิ้นแสงตะวัน

 

ถ้าเอามาอ่านวันนี้คงไม่มีใครชื่นชม แต่สำหรับวันนั้นมันอาจจะเป็นอะไรที่อาจจะแปลกใหม่หน่อย เพราะว่ามันเป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับพระเอกที่เป็นนักคิด นักพัฒนาสังคม แล้วก็ใจกว้างในเรื่องเพศ พูดถึงสำหรับในยุคนั้น แล้วเหตุการณ์ก็เกิดเมื่อพบว่าเมื่อภรรยาหรือคู่หมั้นเขาเคยมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นมาก่อน จากนั้น อาการทุกอย่างของเขาที่เรื่องมันเกิดขึ้นกับตัวเอง กับเวลาที่เขาเป็นนักพัฒนา เวลาที่เขาเป็นผู้มีปัญญาทางสังคม นักวิชาการ มันคนละคนกันไปเลย

 

คำว่าสิ้นแสงตะวัน ก็เหมือนสิ้นแสงตะวันของนางเอกคือ เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายในฝันที่เข้าใจทุกอย่าง เป็นคนที่ใจกว้าง แต่พอมาถึงจุดที่เป็นผู้หญิงของตัวเองกลับรับไม่ได้สักอย่าง

 

สมัยนี้เรื่องความบริสุทธิ์ของผู้หญิงมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ตอนนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับสังคมไทย ก็เลยเอาเรื่องนั้นมาเขียนบทละครขึ้นมา แล้วก็ได้รางวัล แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้รางวัลนะ คิดว่าที่ได้รางวัลน่าเป็นเพราะตัวเรื่องราวมากกว่าเป็นเพราะทางเทคนิคการเขียนบทละคร เพราะว่าเราก็ไม่เคยได้เรียนมา”

 

ส่วนบทละครเรื่องขอบฟ้าของแก้วตา คุณหญิงเล่าว่า เกิดจาก

           

ได้ไปช่วยงานในมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อน ก็เลยได้เข้าใจปัญหาของเด็กปัญญาอ่อน และเรามีเพื่อน 3 คน ที่มีลูกเป็นดาวน์ซินโดรม แล้วแต่ละรายที่มีลูกเป็นดาวน์ซินโดรมพ่อแม่จะฉลาดมาก แล้วก็เป็นผู้ที่มีคนนับหน้าถือตาทีเดียว ตอนนั้นเราได้เรียนรู้จากพ่อแม่ทั้งหลาย ที่มีปัญหาของการมีลูกเป็น

ดาวน์ซินโดรม

 

มีรายหนึ่งที่น่าสนใจคือ ครอบครัวนี้มีลูก 2 หรือ 3 คนไม่แน่ใจ แต่คนสุดท้องเป็นดาวน์ซินโดรม แล้วตัวแม่ท่านก็เก่งนะ เคยเป็นนักศึกษาแพทย์แต่เรียนไม่จบเพราะมีเหตุต้องไปเรียนต่อ แล้วท่านก็อุทิศตัวเองเลยว่าจะต้องทำให้ดีที่สุด ให้อายุทางสมองของเด็กให้ขึ้นมาให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เดินทางไปยุโรปไปหาความรู้ต่างๆ ทุกอย่างที่จะทำได้ คืออุทิศชีวิตให้กับเด็กคนนี้เลย แล้วมันน่าสนใจในพัฒนาการของเด็ก คือเขาทำนายไว้ว่าเด็กจะมีอายุสมองแค่ 5-6 ขวบ แต่ของเด็กคนนี้มันขึ้นมาสูงกว่านั้นมากทีเดียว โดยการที่มันเพิ่มสูงขึ้นก็ทำให้รู้สึกหรือคิดอะไรได้ซับซ้อนกว่า มันก็จะมีช่วงที่เธอค่อนข้างที่จะหลงรักครูที่สอน เราก็เอาเรื่องนั้นมาขยายเป็นละคร

 

เราก็เล่นกับเรื่องของการพัฒนาทางด้านเพศว่า ร่างกายมันโตตามอายุของร่างกาย เพราะฉะนั้นมันก็จะมีความต้องการต่างๆ ผู้ชายที่สนิทที่สุดนั่นก็คือ พ่อ เราจะเห็นความรู้สึกต่อพ่อมันกำกวม เช่น ให้เข็มขัดหนังเหมือนเป็นการกอดโอบอุ้ม เราก็จะเล่นเรื่องของพัฒนาการที่สมองเธอ และพัฒนาทางกายภาพที่เป็นเรื่องของฮอร์โมนมันจะไม่สัมพันธ์กัน

 

แล้วก็เล่นไปถึงเรื่องของปัญหาทางครอบครัว คือการที่แม่มีความรู้สึกผิด เพราะเราวางตัวละคร โดยไม่ได้ให้เขาเป็นดาวน์ซินโดรมโดยกำเนิด เราให้เขาเป็นเด็กปกติที่เป็นไข้แล้วชักทำให้สมองเสียหาย

เพราะฉะนั้นหน้าตาของเขาก็จะสวย ไม่ใช่ลักษณะของหน้าตาของเด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรม เรื่องก็จะรวมทั้งเรื่องของความรู้สึกผิดของแม่ที่เป็นนักวิชาการ กำลังทำงานสอนอยู่ในขณะที่เด็กป่วยแล้วก็กลับมาดูแลไม่ทัน ทำให้ชักจนสมองขาดออกซิเจน เรื่องนี้ เราเล่นกับหลายอย่างทั้งพัฒนาการทางเพศ ความรู้สึกทางเพศที่มันไม่สัมพันธ์กับพัฒนาการทางสมอง ปัญหาของแม่ที่รู้สึกผิด และมันก็ไปกระทบกับลูกสาวอีกคน กระทบกับชีวิตแต่งงาน มันก็จะเกี่ยวพันกันหลายเรื่อง

 

แล้วในส่วนของเด็ก เมื่อถึงจุดหนึ่งเขาได้เรียนรู้จากกิจกรรมต่างๆ ที่เขาทำแล้วก็ขายได้ มีรายได้จากการทำงาน ทำให้เด็กรู้สึกว่าเขาไม่ได้ไร้ความสามารถ และครูที่ดูแลชั้นเรียนเป็นชายหนุ่ม ประกอบด้วยว่าเด็กอายุ 16 ฮอร์โมนอะไรต่ออะไรมันก็พัฒนา แล้วมามีความใกล้ชิดกับครู

 

เรานำเรื่องนี้เชื่อมระหว่างความเข้าใจของเด็กปัญญาอ่อนกับโลกของความเป็นจริงว่า พอเขารู้ว่ารถไฟวิ่งไปที่ไหนที่ไหนได้ เขาก็ถามครูว่าบ้านครูอยู่ที่ไหน อยู่อีสานคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย สำหรับแก้วตาตะวันออกคือพระอาทิตย์ขึ้น เพราะฉะนั้นรถไฟของเขาก็อยากให้มันวิ่งไปทางทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์เช้าๆ ที่เห็นแก้วตาเห็นขึ้นระหว่างดินกับฟ้า ครูก็บอกว่า ตรงที่ตาเราเห็นฟ้ากับดินมันบรรจบกันเราเรียกว่า ขอบฟ้า เพราะฉะนั้นแก้วตาอยากให้รถไฟเขาวิ่งไปตรงขอบฟ้าตะวันออก

 

แม่เห็นแล้วว่าอันตราย พยายามอธิบายว่ามันไม่มีหรอกขอบฟ้า ถ้าเราเข้าไปมันก็จะถอยห่างออกเรื่อย ๆ แต่แก้วตาเขาไม่เข้าใจ ครูเขาไม่รู้ว่ามีสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น แต่แม่เขารู้ ครูก็มีคู่หมั้นของเขา แล้วแก้วตาไปเห็นก็รู้สึกแตกสลายเหมือนกับว่ามันจะเกิดอาการทางจิต


ตัวแก้วตาจะเล่นดนตรีมาตลอดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยพัฒนาสมอง ถ้าวันไหนที่เขาอารมณ์ดีก็จะเล่นดนตรีที่เพราะ ในช่วงที่เขา in love เพลงที่เล่นก็จะออกมาดี แต่วันที่เขาเห็นครูเขากับคู่หมั้นและรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกัน เธอกลับมาที่บ้านเธอก็ทุบเปียโน คือไม่มีเพลง


เรื่องก็จบลงด้วยการถามคนดูของตัวแม่ว่า ฉันผิดด้วยหรือ ที่ฉันสามารถพาเด็กมาจนถึงวัยอายุสมอง 11-12 ปี ที่สามารถมี romantic feeling ได้ จินตนาการ อารมณ์ความรักได้ เพราะถ้าปล่อยไป อายุสมองเขาคงอยู่แค่ 6 ขวบ มันอาจจะไม่ได้มาถึงจุดแตก แต่เมื่อเธอพยายามช่วยลูกจนถึงที่สุด แล้วสามีก็ทิ้งเธอไป เธอเลยตั้งคำถามว่ามันผิดหรือถูกยังไงที่จะทำให้มนุษย์คนหนึ่งเป็นมนุษย์ได้เต็มที่ที่สุด แล้วมันก็แตกสลายแบบนี้”

 

เรื่องราวตอนจบนี้จากแตกต่างจากตอนจบของบทละครในฉบับตีพิมพ์ ได้รับการปรับเปลี่ยนให้แตกต่างออกไป ในขณะที่คุณหญิงมีความตั้งใจอยากจะนำเสนอในรูปแบบดังที่เล่าให้ฟัง


 

ดู 10 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ที่คล้ายกัน

ดูทั้งหมด
bottom of page