top of page

ฝันกับความสงสัย

  • รูปภาพนักเขียน: Chamnongsri Hanchanlash
    Chamnongsri Hanchanlash
  • 24 ก.ย.
  • ยาว 1 นาที

ป้าศรี/คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์


ree

ภาพ:“The Dreamworld“ โดย Salvador Dali, Spanish Surrealist(1904-1989)


  • ฝัน...แค่เรื่องไร้สาระ หรือสมองชั้นยอดกำลังทำงาน

  • ความฝัน คืออะไร เกี่ยวกับจิตใจที่ฟุ้งซ่านจริงหรือ

สำหรับใครที่เชื่ออย่างนั้น ป้าอยากจะให้ลองเปิดรับมุมมองใหม่ๆ

จากแง่มุมของวิทยาศาสตร์และข้อเท็จจริง

  •  ฝันเพื่ออะไร การฝันจำเป็นไหม

จำเป็นค่ะ

เพราะเวลาฝัน สมองของเรากำลังจัดระเบียบความทรงจำ

เหมือนเอาประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาทั้งวัน ไปจัดใส่ลิ้นชักให้เป็นระเบียบ

เตรียมพื้นที่สมองไว้รองรับเรื่องใหม่ๆวันรุ่งขึ้น


การฝัน เป็นการช่วยให้สมองเราประมวลเรื่องราวและอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในยามตื่น

ทั้งนี้เพื่อให้เราเรียนรู้โดยธรรมชาติ ที่จะอยู่กับปัญหาบางอย่าง หรือที่จะทบทวนเรื่องที่เราอาจค้างคาหรือยังไม่เข้าใจ นอกจากนั้นแล้ว การฝันยังอาจจะซ้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง

มีช่วงเวลาหนึ่งของการนอนหลับ ที่เรียกว่า REM (Rapid Eye Movement) ในช่วงนี้สมองจะคึกคัก ตาจะเคลื่อนไหวภายใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่ในความหลับ REM เป็นช่วงเวลาที่เรื่องราวหลากหลายกำลังเกิดขึ้นในการรับรู้ผ่านความฝัน


 สัตว์อื่นๆ ก็ฝัน

ลองนึกภาพสุนัขหรือแมวที่นอนแล้วขากระตุก หรือขยับปาก หรือออกเสียงอื๊ดอ๊าด

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด อย่างน้อยก็ หมา แมว หนู นก ฝันได้ สัญญาณที่เห็นชัดคือพวกเขากำลัง “จำลองเหตุการณ์” ที่เคยเผชิญจริง ทั้งล่าเหยื่อ ทั้งร้องเพลง ทั้งผจญภัย ไม่ต่างจากมนุษย์เรา


 มนุษย์ทุกคนฝัน อาจจำได้บ้าง ไม่ได้บ้างเท่านั้นเอง บางคนอาจจะจำไม่ได้เลย ก็เลยนึกว่าตัวเองไม่เคยฝัน

ถ้าไม่มีช่วงเวลาฝัน สมองจะเครียดและอารมณ์จะเสียสมดุล ความจำจะเสื่อมลง นักวิจัยในเรื่องสมองและการฝันจะบอกว่า ฝันคือ “ฟิตเนสของสมอง” ที่ต้องมีทุกคืน

การฝันอาจดูเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจ

แต่สำหรับนักประสาทวิทยา การฝันเป็นกลไกสำคัญในการรักษาดุลยภาพและสุขภาพของสมองมนุษย์และสัตว์ที่มีพัฒนาการทางสมองที่ซับซ้อนกว่าสัตว์เลื้อยคลาน


 ฝันปกติ VS ฝันร้าย

  •  ฝันปกติ การฝันอย่างปกติทุกคืน ไม่ว่าผู้ที่ฝันจะจำได้หรือจำไม่ได้จนคิดว่าตัวเองไม่ได้ฝันหรือไม่เคยฝัน เป็นกลไกตามธรรมชาติของสมอง แต่มันคือสัญญาณว่าร่างกายและสมองของเรา “แข็งแรงและทำงานเป็นปกติ” ต่างหาก

  •  ฝันร้าย (nightmares) แตกต่างจากฝันปกติ เพราะเกิดจากการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ โดยเฉพาะวงจรควบคุมความกลัว ในสมอง เช่น amygdala และ prefrontal cortex สมองในฝันร้ายจึงเน้นการกระตุ้นระบบประมวลผลความกลัวและอารมณ์ลบ การกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic nervous system) และฮอร์โมนความเครียด (cortisol) รวมถึงเนื้อหาของฝันที่สร้างความกลัวหรือความไม่พอใจ จนกระทั่งขาดสมรรถภาพในการควบคุมระงับความกลัว ต่างจากฝันปกติทั่วไป ที่สมองส่วนเหล่านี้ควบคุมกันได้ดี

ที่สำคัญคือ ฝันร้ายทั้งเป็นอาการกระตุ้นความผิดปกติทางอารมณ์ และเป็นผลข้างเคียงของอารมณ์ผิดปกติ

ฉะนั้น การแก้ไขและดูแลสุขภาพจิต จึงมักช่วยให้อาการฝันร้ายดีขึ้น และในทางกลับกัน ก็ารบำบัดฝันร้ายโดยตรง ก็จะช่วยลดความรุนแรงของอาการทางอารมณ์ด้วย


เรื่อง การฝัน เป็นเรื่องที่ป้าศรีสนใจมานาน

 และค้นคว้าหาความรู้มาโดยตลอด

ทั้งนี้ เพราะป้าศรีเป็นคนเป็นประเภทที่จำความฝันได้ตอนตื่นนอน และระลึกรู้รสชาติอารมณ์ของความฝันนั้นๆ พอได้ ซึ่งป้าศรีพบว่าเป็นประโยชน์มาก เพราะทำให้รู้…อย่างน้อยก็เป็นเลาๆ… ว่าจิตไร้สำนึกเรานั้นมันสุมอะไรไว้ และเรามีอารมณ์ที่ไม่เสแสร้งอย่างไรต่อสิ่งนั้นๆ

พอ”อ้อ“แล้วก็แล้วไป แค่ลุกขึ้นไปล้างหน้าสีฟันเรื่องราวของความฝันมันก็เลือนหายไปหมด แต่เราก็เข้าใจจิตใจตัวเองขึ้นมากว่าเดิมอีกหน่อยหนึ่ง


(สำหรับบทความนี้ ป้าศรีให้ AI ชื่อ Perplexity Pro ค้นข้อมูลมาตาม prompts ของป้าศรี โดยให้มันบอกแหล่งข้อมูลมากมายหลายแหล่งมาด้วย แล้วป้าศรีก็เอามาเรียบเรียงจัดระบบ

เขียนมาเล่าให้กันฟังอย่างนี้แหละ


ป้าศรีไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านได้ทั้งนั้น แค่เป็นยายแก่ขี้สงสัยที่ชอบซอกแซกอ่านหาความรู้ที่อยากจะรู้ ฉะนั้น จะขอบคุณมาก ถ้ามีคุณหมอหรือนักประสาทวิทยาท่านใด เข้ามาจับผิด แก้ไข

ให้ความรู้เพิ่มเติมก็จะขอบพระคุณยิ่ง)

โอย ดึกดื่นอีกแล้ว ลุงเจเจหลับไปนานนมเน

ก็โพสต์นี้ใช้เวลาหลายชั่วโมงนะคะ จะดีใจมากถ้ามีใครอ่านจนจบ


จาก FB: โต๊ะป้าศรี CH Table

September 20,2025

ความคิดเห็น


Final Logo.png

ที่อยู่:
Bangkok Thailand

Email: 

ส่งข้อความหาเรา
แล้วเราจะติดต่อกลับในไม่ช้า

ขอบคุณสำหรับการติดต่อ

bottom of page