Panchalie Sathirasas: Ceramicist
ปานชลี สถิรศาสตร์: ปั้นดิน
Khunying Chamnongsri Rutnin Hanchanlash: Poet
คุณหญิงจำนงศรี รัตนิน หาญเจนลักษณ์: เขียนคำ
Danthong Breen: Photographer
แดนทอง บรีน: ถ่ายภาพ
Vaulting branches throw
quivering traceries of light and
shadow on a rivulet that giggles
and gossips with pebbles,
rocks, and roots.
Long-drawn wails of an
electric saw run like a copper
wire stringing the breeze that
blows through forest leaves.
Wood from dead trees is
being turned into a waterside
house that will soon be filled with life.
Everyone wants the wood,
the bark is always discarded.
But, I know a potter who
loves to walk in forests, and
touch weathered barks.
Perhaps her craft has brought
her close, so close, to clay and
to earth that, seeing earth in
the texture, pattern, and hues
of the barks, she coaxes clay
into telling of the Quiet
Path - the way of still earth
and weathered barks.
ไม้ป่าทอดกิ่งกรองแดด
วาดเงาบนผิวธาร ที่กระชิกชี้กับ
กรวด หิน และรากไม้
เลื่อยไฟฟ้ากรีดครวญ ยาว
เหมือนลวดทองแดง ที่ใครเอามา
สอดร้อยสายลม แล้วดึงให้พลิ้ว
ผ่านพุ่มใบในป่าสูง มันกำลัง
แปลงไม้ตาย เป็นกรอบหน้าต่าง
บานประตูให้บ้านคนเป็น แต่
เปลือกไม้...ใครจะอยากได้...
เขาปล่อยให้หลุดร่อนไปนาน
ก่อนไม้แก่นจะถึงคมเลื่อย
ฉันรู้จักช่างปั้นดินคนหนึ่ง
ผู้รักการเดินป่า รักเรื่องราวของเปลือกไม้
คงจะเป็นเพราะเปลือกไม้
มีดินเป็นที่มาที่ไป ช่างปั้นคงเห็น
ดินในพื้นผิว ลวดลาย สีสัน ของ
เปลือกไม้ สิบนิ้วสองมือวิเศษจึง
กล่อมดิน ให้มันเล่าถึงทางร่วม
ของมันกับเปลือกไม้
คือ ทางแห่งความเงียบ
ที่รุ่มรวยด้วยเรื่องราว
Sounds of fish gulping,
calls of birds, croaking of frogs
and toads, chirp of crickets
and cicadas - the symphony
of life seeking life is audible
even to an inattentive ear
Every now and then it
pauses - this symphony of the
forest - as if taking a long
deep breath. An intermission
for gossamer sounds of
weightless leaves settling on
the ground ready for decay to
nourishing soil, or sounds of
dewdrops on grass blades to
moisten the dawn before
evaporating - to hear such
sounds requires a quiet heart
and an open ear.
เสียงปลาฮุบแมลงบนผิวน้ำ
เสียงนกเพรียก เสียงกบเขียด
จักจั่นเรไร....เสียงชีวิตที่แสวงชีวิต
ได้ยินไม่ยาก
หากในช่องสงัด เมื่อดุริยางค์ป่า
กลั้นหายใจ เว้นวรรค...อาจมี
เสียงแผ่วของใบไม้ร่อนลงนอนดิน
เต็มพร้อมที่จะสลายเป็นเชื้อป่า
หรือเสียงเผาะแสนเบาของน้ำค้าง
ที่หยดบนยอดหญ้า ให้ความ
ชุ่มฉ่ำแก่ยามเช้า แล้วเต็มใจ
ระเหยหายไปกับลม
สารแห่งการละวาง ในช่อง
เว้นวรรคของเสียงชีวิต คงจะ
ต้องเงี่ยฟัง เพราะได้ยินไม่ง่ายนัก
I was introduced to a
forgotten tree named Si Sead
by a tree lover who departed
from the world many years ago.
She planted the sapling in my
forest where it quietly grew into
a handsome tree. Not quite
in its prime though standing
almost as high as the grace-
ful Golden Gasalong that
grows close by, the young
Si Sead' has started to show
tinges of rich earth's rust red
in its bark.
Died of a broken heart,
people said about her. I will
never know whether or not it
was true. What I know is the
joyful fact the Si Sead she so
lovingly planted is shining with
life's vigour, that its roots are
delving and spreading in the
bounteous earth, that it is
thriving in sun and wind, rain
and storm. All I know about
her is that she left a brave tree
of strength and beauty on this
Earth.
สาวคนรักต้นไม้คนหนึ่ง
ผู้จากโลกไปนานปี เป็นคนที่
ทำให้ฉันรู้จักต้นสีเสียด
ไม้โบราณที่คนสมัยใหม่น้อยคนจะรู้จัก
เธอเอาสีเสียดต้นเล็ก
มาให้ป่าของฉัน วันนี้มันเป็นไม้หนุ่ม
สูงแข่งปีบทองที่ขึ้นเคียงข้าง
เริ่มดูดสีสนิมจากแดงดิน
มาแต้มเปลือก แม้อีกหลายปี
กว่ามัน จะเข้าสู่วัยฉกรรจ์
อกหักตาย คนอื่นพูดกันถึง
คนที่พามันมาลงดินให้เติบโตงาม
จริงหรือไม่ ฉันไม่รู้ แต่เจ้าสีเสียด
ที่เธอฝากโลกไว้นั้นสดใส
ด้วยแพรวชีวิตพลังชีวา มันกำลัง
เติบกล้าในแสงแดด ลมฟ้า
พายุและห่าฝน ฉันแค่รู้ว่า
เธอได้ฝากชีวิตอันกล้าหาญ
ไว้ให้โลกงาม
Fingerprints are never repeated, neither are the barks of trees...tens of thousands, millions, in hundreds of forests. Everyone of them varies in detail, pattern, marks, texture, hue - a cumulative garnering from life's journey drawn from earth, air, place, day, month, year, species, and the past.
No one knows or cares what axe left that old scar, or what seasonal change caused that break. The wonder lies in the beauty of the grand old tree spreading its thick branches to shade birds, geckoes, and other children of the forest.
ลายนิ้วมือคนไม่มีซ้ำ เปลือกไม้ที่หุ้มถนอมต้น ก็ไม่ซ้ำลาย...หมื่น แสน ล้านต้น ในร้อยป่า แม้ไม้ใหญ่ร่วมพันธุ์ ดูคล้ายกัน แต่ผิดแผกในรายละเอียดของลาย ของตำหนิ ของพื้นผิว ของสี ที่ซึมซับจากดิน อากาศ พื้นที่ วัน เดือน ปี เผ่าพันธุ์ และอดีตที่ต่างต้น ต่างสะสมกันมา แผลเป็นนั้นจากคมขวานใคร หรือจากอะไรอื่น ไม่มีทางรู้ รอยปรินั้นล่ะ จากจุดเปลี่ยน ฤดูกาลหรืออะไร ไม่มีใครจำ เจ้าต้นไม้ใหญ่งามเหลือใจ แผ่กิ่งระบัดใบให้นกเกาะ ตุ๊กแกไต่
Tenderly shines the new
morning sun, soft coral rays
tinging the pearl in the lakeside
Siaw's bark. The tree has
rooted there for who knows
how long.
The old tree stretches a
thoughtful branch above its
own shimmering reflection. Its
curved petals shower the
ground as a breeze combs the
face of the lake into chasing
ripples, each one rising and
disappearing. The breeze
passed never to return...like
each day, each night...
like each breath of life.
ตะวันเช้าฉายแสงนุ่ม
แสงอ่อนสีปะการังฉาบนวลเปลือก
ต้นเสี้ยวแก่ริมน้ำที่ยึดตลิ่งตรงนั้น
มานานแสนนาน
เสี้ยวใหญ่ทอดกิ่งเอนส่องเงา
พร่าพราย สายลมปัดผิวน้ำ
ให้ระลอกเป็นริ้ว ลมพัดผ่าน
กลีบเสี้ยวร่วงพรูพราวพื้น
พลิ้วน้ำแต่ละพลิ้วเกิดขึ้นแล้วผ่านไป
สายลมก็ผ่านแล้ว ผ่านเลย
เหมือนวันคืน เหมือนลมหายใจ
Tree tops race one another into the sky to reach the burnishing glory of the sun, making a ceiling of lace that throws designs of shadow and light on the forest floor.
Clasping the ubiquitous computer notebook, I meander along an invisible forest path, leaving behind the dwindling whine of the electric saw. Under an old tree in the twittering forest, minuscule ants weave their straggling way in and out of the gnarled trunk's cracks, and dragonflies hang in the golden air like little sleepy airplanes with angel wings.
How I miss simple pen and paper as a hungry battery begs to be electrically fed by the astonished forest. How many words can I write on a power starved computer? Lying back on the cool forest bed, I can see the rippling laughter of the leaves as they tell the sky about the poet-slave of technology.
ต้นไม้ป่าเสียดกันยืดลำต้น สอดยอดเสียบฟ้ารับแสงตะวัน คนเขียนหนังสือเดินแหงนคอตั้งบ่า
เห็นเป็นเพดานโปร่ง เส้นลายไหว วาดเงาเลือนเกลื่อนพื้นป่า หนีบคอมพิวเตอร์หนีเสียงเลื่อยไฟฟ้า มานั่งใกล้โคนไม้แก่ แตกรานลึก แถวมดใต่ลอดร่องปีนลาย นั่งมองแมลงปอแขวนลม เหมือนเครื่องบินปีกนางฟ้า เปิดคอมพิวเตอร์คู่ใจ ไพล่คิดถึงสมุดดินสอ ป่าไม่มีสายป้อนไฟคอมพิวเตอร์ จะพิมพ์ไปได้สักกี่น้ำ...ทอดกายหงายมองยอดไม้ส่ายกิ่งหัวเราะล้อนักเขียนทาสไฟฟ้า
The forest on a still-wind
dark-moon night is filled with
deep, almost tangible darkness
where leaves bar out the
frail starlight. Trees stand
around in peaceful stillness
like black giants who love the
nocturnal silence.
Cradled in the soft warm
palm of darkness, realization
dawns on me that darkness
is neutral. Darkness of the
night forest enfolds and
neutralizes thoughts, hushing
them into a pure presence of
the passing moment.
ป่ายามดึกเดือนมืดสงัดลม
เต็มไปด้วยเงาไม้ที่แสงดาวส่องไม่ถึง
ปล่อยความมืดให้เกาะตัวเป็นมวลข้น
ไม้ป่ายืนตัว สงบนิ่ง
เหมือนหมู่ยักษ์ที่รักค่ำคืน
และความเงียบ
ในอ้อมอกอุ่นของความมืด
กลางแมกไม้ ฉันได้รับรู้
ความเป็นกลางของความมืด
มันตะล่อมล้อมความคิดให้ค่อยๆ คลาย
ให้ใจได้ม้วนเข้าสู่เสี้ยวขณะ
ที่สัมผัสผ่าน.
(จากผู้เขียน)
สองปีมานี้ ข้าพเจ้าเกิดเจ็บป่วย ด้วยพิษของเสียงดังในเมืองกรุงเล่นงาน จนมีอาการ คลุ้มคลั่งเป็นระยะ ๆ ต้องรักษาตัวด้วยวิธีสารพัด ผู้เชี่ยวชาญประสาทหูบอกว่า ไม่มีทางหาย หมอผีก็แก้ไม่ได้ บอกว่าเป็นกรรมเก่า ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเก็บกระเป๋าออกจากบ้านไปเดินป่า เพื่อใช้ความวิเวกบำบัด ความสงัดเงียบ และเสียงกระซิบของใบไม้กับสายลม ทำให้อาการคลุ้มคลั่งหายสนิท ข้าพเจ้าพลอยได้แรงบันดาลใจ ถ่ายทอดความรักต้นไม้ มาเทใส่ไว้ในดิน
คุณหญิงจำนงศรีทราบว่าข้าพเจ้าป่วย มีอาการแปลก ๆ ที่ไม่อาจทนเสียงดังได้ จึงเมตตาเชิญชวนให้ข้าพเจ้าไปพักผ่อนที่บ้านของเธอในป่าใหญ่ ข้าพเจ้าซึ่งอยู่บ้านน้อย มีเพียงสวนจ้อยปลูกประดู่ได้หนึ่งต้น จึงเดินทางไปพักที่เรือนไม้แสนสบาย รายล้อมด้วยไม้หลายร้อยต้นของป่ากว้าง ไม้แปลกในสวนป่าของเธอ ทำให้รำลึกถึงไม้แก่กลางป่าเปลี่ยว ชวนให้ชื่นบานนัก ข้าพเจ้าเป็นคนรักป่า หลงรักเปลือกไม้ที่ผ่านไอร้อนลมหนาว ตากแดดต้องฝนมาแล้วหลายฤดู ไม้ที่ยืนต้นแตกปริ เปลือกร่อนกรอบ มีนิทานให้รอเล่านับร้อยพัน
คุณหญิงเป็นนักเล่าเรื่อง ที่มีถ้อยคำชวนให้ขบคิด ข้าพเจ้าเป็นช่างปั้นดิน ผู้รักการปั้นหิน ปั้นป่า จึงชักชวนเธอมาปั้นคำเขียนกวี เล่าเรื่องของต้นไม้ในต่างมุม เธอมีคำคมของคนเขียนป่า ข้าพเจ้ามีความเฟื่องฝันของคนปั้นเปลือกไม้ แต่เรามีทางเดินเดียวกันคือ ความรักป่าที่งามเงียบ ปรารถนาให้ผู้อื่นได้ปลูกป่าปลูกฝันไว้ในใจด้วยกัน
ปานชลี สถิรศาสตร์
She is a wordsmith while I craft in clay.
I ask her to tell in words
the mystery of the forest.
Meanwhile,
my hands dream of the bark of trees.
Our thoughts travel
the same path of quiet and beauty.
We wish that others too see beauty in trees
And follow the ways of the mind...
Panchalie Sathirasas
Panchalie always follows the theme
of quiet in her exhibitions.
While she adores tranquillity and
loves to live quietly,
she hopes that 'the Quiet Path'
is for fighting against noise,
and she still enjoys talking.
งานในความเงียบ/The Quiet Path Exhibition
At Siam City Hotel, Bangkok
29 October - 7 November 2004
ณ โรงแรมสยามชิตี้ ถนนศรีอยุธยา
29 ตุลาคม - 7 พฤศจิกายน 2547
Comments