ภาพ คุณหญิงจำนงศรีในงานสัปดาห์หนังสือ ศูนย์ประชุมสิริกิติ
ความสุข ในชีวิตของคนนั้นต่างกัน สำหรับ คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ เธอผู้ฝ่าฟันมรสุมชีวิตดุจนาวากลางมหาสมุทร นั้น เธอเลือกที่จะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง หยุดเพ่งพินิจพิจารณาปัญหาที่เผชิญอยู่เบื้องหน้า แล้วหัวเราะกับมัน !
ในหนังสือ วิชาตัวเบา พ็อกเกตบุ๊กเล่มใหม่ของเธอรวมข้อเขียนที่เสนอแนะวิธีคิดให้คนเรามีสุขเอาไว้มากมาย ซึ่ง คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ เป็นผู้ตั้งชื่อหนังสือและคิดได้ในทันทีที่อ่านจบ
เป็นประสบการณ์ตรงที่เธอประสบพบเจอและเข้าห้องแล็บทดลองมาแล้วกับตัวเอง
วันเปิดตัวบนชั้น 18 ของอาคารล็อกซเล่ย์ ย่านคลองเตย วันนั้นเพื่อนสนิทมิตรสหายทั้ง คุณหญิงชัชนี จาติกวนิช, บุรณี รัชไชยบุญ, นวลพรรณ พรรณเชษฐ์, ฐิตินาถ ณ พัทลุง ฯลฯ มาให้กำลังใจอย่างล้นหลาม
โดยเฉพาะคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์, สุพรทิพย์ ช่วงรังสี นั้น ทั้งสองได้ร่วมถกเถียงวิธีคิดให้ชีวิตมีสุขด้วยมุมมองที่น่าสนใจยิ่ง
ด้วยบุคลิกเป็นสาวมาดมั่นอย่างคุณหญิงศศิมา พูดจาฉะฉานเลยว่า “ในวิธีคิดที่คุณศรี (คุณหญิงจำนงศรี) นำเสนอนั้น ดิฉันทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยกับบทคุณย่าให้อภัย ก็เพราะคุณศรีไปอยู่วัด ก็หลุดพ้นหมดแล้ว ทำให้ไม่รู้สึกโกรธ ในที่นี้ดิฉันรู้สึก out of place ทุกคนเป็นนักปฏิบัติธรรม พูดช้าๆ งามๆ คำว่าความสุขเป็นคำอธิบาย มันเบา”
“ไม่ใช่ดิฉันไม่พบความลำบากลูกตายอย่างนี้ทุกข์ไหม สามีของดิฉันก็ไม่ใช่คนเรียบร้อย เปรี้ยวมากพอสมควร ใครบอกว่าสบาย ไม่จริง เราอยู่กันมา 42 ปี มันดีอย่างทุลักทุเล แต่เราก็ปรับตัวได้ ต่างคนต่างรักษาสิทธิ์ซึ่งกันและกัน ถามว่ามีช่วงไหนขาดสติไหม มีค่ะ ถ้าขาดสติฉันจะเข้าห้องปิดประตู แล้วร้อง
กรี๊ด !!! หรือไม่งั้นก็ฟาดอะไร หรือเข้าห้องพระ มันก็ช่วยได้ ”
คุณหญิงจำนงศรี ยิ้มแล้วพูดอย่างช้าๆ งามๆ เสริมว่า “พอนิ่งแล้ว ตัวเราก็จะหายไป เราสองคนเป็นนักเถียงกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน ดิฉันเป็นมนุษย์ ชอบถกเถียง ถ้าชีวิตไม่ถกเถียง ชีวิตก็ไม่สดชื่น”
แต่กว่าจะทำให้ตัวเราหายไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสุพรทิพย์ สาวสังคมที่เลือกสร้างสมดุลให้ชีวิตด้วยธรรมะ พูดนิ่มๆ ว่า “ชีวิตก็เหมือนแก้วน้ำ ต้องทำให้ตะกอนตกไปที่ก้นบึ้งของหัวใจก่อน แล้วถึงจะเห็นความสดใสของน้ำ ต้องดึงเอาธรรมะเข้ามาใช้ทุกอณูวินาที ดิฉันเป็นคนติดแบรนด์เนมอย่างยิ่ง ก็ต้องมีธรรมะมาดึงตรงนี้ ”
“ติดแบรนด์เนมผิดตรงไหน?” คุณหญิงศศิมาคว้าไมค์ใส่ความคิดเห็นต่อทันที
“มันผิดตรงไหนที่ติดแบรนด์เนม ไม่งั้นชีวิตก็เฉา ชอบสวย ชอบการพนัน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของชั่วร้าย ถ้าจิตใจเราสะอาด สติเราเรียกได้ถ้าสามารถควบคุมตัวเองได้ ดิฉันเคยเข้าวัด ไม่เคยดูหมอดู ไม่เคยนั่งวิปัสสนา สมาธิ แต่ก็มีความสุขได้ ยิ่งแก่ดิฉันว่าก็ยิ่งมีความสุข!”
คุณหญิงศศิมาทิ้งท้ายในมุมมองของนักธุรกิจว่า “คนเราสามารถแมเนจอะไรต่ออะไรได้ แต่ไม่มีใครคิด manage your life ดิฉันว่ามันอยู่ที่มุมมอง ”
มุมมองที่แตกต่าง ซึ่งที่สุดแล้วหากทุกคนค้นพบความสุข ความทุกข์ที่เผชิญอยู่ตรงหน้าอาจจะเป็นเรื่อง ขำขันที่สะกิดต่อมฮาเสียยิ่งกว่าหนังสือขายหัวเราะเป็นได้
จาก: ประชาชาติธุรกิจ 2-5 ต.ค.2546
Comments