top of page

งูหลังหัก

คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์



Brokeback Mountain ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงงูที่ถูกตีจนหลังหัก มันเลื้อยไปไหนอีกไม่ได้ ลมหายใจยังอยู่ แต่ชีวิตไม่เต็มชีวิตเสียแล้ว

“Brokeback Mountain มีจริงหรือ” ผู้หญิงสวยเมียของคาวบอยคิ้วเข้ม ชื่อ แจ็ค ทวิสต์ถาม “มีจริงครับ มันอยู่ใน Wyoming” เอนนิส เดลมาร์ ตอบเธออย่างเรียบๆ เงียบๆ และอ่อนโยน ก็ภูเขาลูกนั้นเป็นสัญญลักษณ์ของความรักที่แสนลึกของเขา กับแจ๊ค ทวิสต์

ข้าพเจ้าเกือบจะยินเสียงแว่วจากผู้สร้างงานแสนงามชิ้นนี้ว่า “มีจริงซิ ความรักประเภทนี้มีจริง และก็เป็นไปได้ที่จะสวยงามยิ่งใหญ่เหมือน Brokeback Mountain ภูนั้น”

หนังรักที่ก้าวข้ามกรอบกำกับของสังคมได้อย่างสง่างามเรื่องนี้ ควรจะดูบนจอใหญ่ในโรงหนัง ถ้าดูจากดีวีดีก็เหมือนย่อภูเขาผงาดฟ้า ให้เป็นก้อนเขาหินเล็กๆในสวนหย่อมคอนโด... อย่าดูดีกว่า


ตัวละครคาวบอยหนุ่มทั้งสองมาจากคนละพื้นเพถิ่นฐาน ต่างมารับจ้างเฝ้าฝูงแกะเป็นแรมเดือนบนเขาลูกนี้ ความอ้างว้างของทุ่งหญ้า และหุบเขาที่หนาวเหน็บ เป็นจุดเริ่มของรัก ที่อยู่ยงเหนือการควบคุมของเขาทั้งสอง ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน แยกทางกันไปก็แล้ว ต่างคนต่างแต่งงาน ต่างคนต่างมีลูกมีเต้ากับหญิงผู้เป็นภรรยาก็แล้ว

มันเกิดขึ้นกับผู้ชายสองคนที่แกร่งกล้าเหมือนภูเขาเทือกนั้น ไม่มีส่วนไหนอ้อนแอ้นอรชรเลยจนนิด เพศสัมพันธ์ครั้งแรกอุบัติอย่างฉับพลันเหมือนพายุหิมะที่เป็นต้นเหตุให้เข้าไปหาไออุ่นร่วมเต้นท์กัน ผู้กำกับ อั้ง ลี่สามารถสร้างฉากนี้ให้เต็มไปด้วยพลังชาย แข็งแรง ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรที่เฝื่อนหรือดัดจริตให้เบือนหนีแต่ประการใด


ในวันรุ่งขึ้นตัวละครพยายามจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น “I am not a queer (ฉันไม่ได้เป็นเกย์นะ)” เอนนิสพูด “Me neither (ฉันก็ไม่ใช่)” แจ๊คต่อ น่าสังเกตุว่าความหมายดั้งเดิมคำว่า queer แปลว่า เบี่ยงเบนจากธรรมชาติ


มุมมองคนส่วนใหญ่ทุกวันนี้ ก็ยังเห็นว่าความสัมพันธ์ล้ำลึกของชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง วิปริตผิดธรรมชาติ และเป็นพิษภัยต่อสถาบันครอบครัวซึ่งเป็นแกนหลักของสังคม สังคมที่ยึดประเพณีจึงเกลียดกลัวและลงโทษความสัมพันธ์ประเภทนี้ ทำนองเดียวกับตีงู หรืออย่างดีก็เอาไม้เขี่ยขว้างไปให้พ้นหูพ้นตา

ถึงแม้ภาพยนต์หลายรางวัลเรื่องนี้ จะฉายแสงนุ่มสว่างเข้าไปในมุมที่เราเคยคิดว่ามืดจนไม่เคยมอง ให้เห็นว่าในมุมนั้นมีอะไรๆที่น่าเข้าใจ แต่ก็เรียกคนดูได้น้อยเอามากๆ แค่บอกโครงเรื่อง ผู้หญิงหลายคนก็ตีหน้าเฝื่อนๆ ผู้ชายที่ข้าพเจ้าชวนก็สั่นหัวดิก... ไม่เอาหรอก เรื่องอย่างนี้ มันวิปริต... จึงไม่แปลกที่โรงโหรงเหรง คนดูเท่าที่เห็นเป็นฝรั่งเสียเกือบหมด


จะจริงไหมหนอ ที่บ่อยครั้งความกลัวจะพบสิ่งที่ไม่อยากยอมรับ ทำให้คนเราเลี่ยงที่จะมองเข้าไปดูอะไรมิอะไรที่อาจจะแฝงเร้นลึกอยู่ในใจเราเอง

ดูหนังเรื่องนี้แล้ว อดคิดไม่ได้ว่าเส้นคั่นระหว่างเพศในความเป็นจริงนั้นเลือนลางกว่าที่เรามักจะคิด เพราะธรรมชาติสร้างให้หญิงชายมีฮอร์โมนเพศตรงกันข้ามเจือปนอยู่ อาจจะเพื่อไม่ให้มีความแตกต่างที่สุดโต่ง


ข้าพเจ้าแปลชื่อ “Brokeback Mountain” อย่างตามใจตัวเองว่า “ภูเขาหลังหัก” ให้กับความเป็นสัญญลักษณ์ของชีวิตงูหลังหักของคนทั้งคู่ โดยฉะเพาะอย่างยิ่งเอนนิส ยามที่สับสนอ้างว้างหลังร้างเมียร้างบ้านร้างลูก เขาระเบิดอารมณ์ใส่แจ๊ค ว่าเป็นผู้ทำให้ชีวิตเขาไม่มีใคร ไม่มีที่จะอยู่ ไม่มีที่ไป บ่อยครั้งที่เขาก็รู้สึกระแวงหวาดไปหมดว่าคนที่พบปะจะรู้ว่าเขาเป็นเกย์.... ชีวิตหลังหักที่แสนจะน่าสงสาร...


Heath Ledger เล่นบทเอนนิสที่เต็มไปด้วยความเก็บกดที่แกร่ง แต่อ่อนโยนได้ราวกับเขามีโลกภายในที่ไม่มีใครก้าวล้ำเข้าไปได้จนกระทั่งมาพบ แจ๊ค ทวิสต์ที่มีน้ำใจและความเอื้ออาทร เอนนิสเติบโตมากับโชคชะตาที่โหดร้าย จึงเป็นนักสู้ชีวิตที่แสนอึด เขาอาจจะใช้ชีวิตอย่างผู้ชายเต็มตัว ถ้าไม่มีใครมาปลุกเร้าส่วนซ่อนเร้นที่ลับลึกจนแม้กระทั่งตัวเองก็ไม่รู้ว่ามีธรรมชาติส่วนนี้อยู่ในตัว

Jake Gyllenhaal เล่นบทแจ๊ค ทวิสต์ได้อย่างเนียนน่าชม ความเป็นชายของเขาแข็งแรงแต่ไม่แข็งแกร่ง รูปร่างสูงแน่นหนาไปด้วยมัดกล้ามซ่อนหัวใจที่อ่อนโยนและอ่อนไหว แต่เขากลับกล้ารับความจริงได้มากกว่า ทั้งๆที่เขาเองก็เหมือนงูหลังหัก เมื่ออยู่กับเอนนิสไม่ได้ เขาก็วนหาความสุขเทียมๆอย่างเจ็บปวดและไร้ทิศทาง

เอนนิสเผชิญธรรมชาติได้อย่างไม่ประหวั่น แต่กลัวความโหดร้ายของคน ศพเกย์เฒ่าที่ถูกฆ่าแสนอย่างทารุณติดตาเขาสมเจตนาพ่อที่พาไปชี้ให้ดูเมื่อสมัยอายุเขาแค่ 6 ขวบเพื่อ...เป็นอุทาหรณ์


ความสุขของคาวบอยคู่นี้ คือการได้กลับมาพบกันตามนัดปีแล้วปีเล่าในระยะเวลา 20 ปี เพื่อใช้ชีวิตอิสสระเหมือนลมเขาในธรรมชาติที่เปิดกว้าง บน “ภูเขาหลังหัก”ที่งามสง่าทาบผืนฟ้า ภูเขาที่มีทุ่งหญ้านุ่มหวาน และหินผาที่หยัดยืน นิ่ง มั่นคง ไม่ตัดสินความถูกผิดของใคร


อั้ง ลี ทำให้เห็นว่าความโลดโผนโจนทะยานอย่างที่ผู้ชายเท่านั้นที่จะสนุกด้วยกันได้ เช่นการแก้ผ้าใส่บู๊ตกระโดดน้ำจากผาสูงลิบลิ่ว จะทะเลาะกันก็ฟาดหมัดเรียกเลือดปากกันคนละหมัด ด้วยเรี่ยวแรงพอๆกัน แล้วก็ดีกัน ไม่ต้องเปลืองคำพูด

ภาพธรรมชาติงามใจหาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขาที่ดูเหมือนภาพโพสต์การ์ด ตั้งนิ่งทาบผืนฟ้ากว้างที่เปลี่ยนแปรไม่มีสิ้นมีสุด หรือภาพแกะนับหมื่นที่เคลื่อนเป็นคลื่นระรอกล้อกระแสน้ำธารที่เลี้ยวไหลจากยอดเขา และภาพภูเขาเป็นชั้นสีฟ้าซ้อนซับเต็มจอ มีไฟเหลืองเล็กลิบของรถแจ๊กทวิสต์วิ่งเหมือนแทรกเข้ามาในฉากต้น และออกไปในฉากปลายๆ เหมือนการเข้ามาในชีวิตเอนนิส และการจากลา

อารมณ์ธรรมชาติบนเขาหินลูกนั้น หลากหลายอารมณ์ เหมือนอารมณ์ชีวิตผู้ชายทั้งสองที่แปรเปลี่ยนไปตลอดเรื่อง


ภาพยนต์เรื่อง Brokeback Mountain ดัดแปลงจากเรื่องสั้นรางวัลพูลิตเซอร์ (Pulitzer Prize) โดยนักเขียนอเมริกัน Annie Proulx ผู้กำกับชาวใต้หวันบรรจงจารความงามทั้งที่เห็นได้ด้วยตา และที่มากกว่าแค่ตาเห็น สมแล้วกับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมของฮอลลีวู๊ดปีนี้


หนังเรื่องนี้อบอุ่นด้วยเมตตาธรรม ที่มาจากทีมสร้างไม่ว่าจะเป็นฝีมือกำกับของอั้งลี่ หรือการแสดงชั้นเยี่ยมและละเอียดอ่อนของ Heath Ledger Jake Gyllenhaal และตัวประกอบอื่นๆที่ไม่มีใครฝีมือด้อยกว่าใครนัก ไม่ว่าจะเป็นด้านกล้อง หรือเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง theme song ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายใสสะอาด เหมือนความรักของชายทั้งสอง

แต่อะไรเล่าที่กำหนดความเป็นธรรมชาติ การมีครอบครัวเพื่อการสืบพันธ์ของมนุษย์หรือ ถ้าเช่นนั้นหญิงชายที่แต่งงานหรืออยู่ร่วมกันโดยตั้งใจที่จะไม่มีลูกก็น่าจะถูกมองว่าผิดธรรมชาติ


อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาอบอุ่นกับการยอมรับของสังคม ผู้ชายสองเพศอย่างแจ๊คกับเอนนิส อาจจะไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงเพื่อที่จะเป็นผู้ชายอย่างที่คนส่วนใหญ่คิดว่าผู้ชายควรจะเป็น ผู้หญิงก็ไม่ต้องช้ำใจว่าตัวเองถูกหลอกเมื่อรู้ความจริงเหมือน Alma ใน Brokeback Mountain

ความไม่ลงตัวมีอยู่ทุกแห่งหนเป็นธรรมดา อั้ง ลี่ เชื้อเชิญเราให้มาสัมผัสความไม่ลงตัวในจุดนี้ด้วยหู ตา กับใจที่ละเอียดอ่อนและเปิดกว้าง

.......................................................................


ตีพิมพ์ใน: มติชนสุดสัปดาห์ 17-23 มีนาคม 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1355

ดู 7 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page